การเจ็บป่วยของข้าพเจ้า กับ สิ่งมหัศจรรย์
ข้าพเจ้า น.ส. สุดา สุวรรณมณี อายุ ๖๙ ปี เคยเป็นอาจารย์ประจำอยู่ที่ โรงเรียนพยาบาลสภากาชาดไทย ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ในระหว่างปี พ.ศ.๒๔๙๐ ถึง พ.ศ. ๒๕๐๗
ประมาณเดือนพฤษภาคม ๒๕๓๖ ข้าพเจ้าล้มป่วยลงด้วยโรคนิ่วในถุงน้ำดี จึงได้มาปรึกษาอาจารย์ น.พ. ประพันธ์ กิติสิน ท่านได้แนะนำให้ข้าพเจ้ารีบตัดสินใจ เข้ารับการผ่า ตัดเพราะอาการอยู่ในขั้นอันตราย ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ข้าพเจ้าจึงได้ปฏิบัติตาม เข้าโรงพยาบาลให้แพทย์ผ่าตัดตามคำแนะนำของท่านอาจารย์ทันที
หนึ่งปีต่อมา ในเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๓๗ข้าพเจ้าเริ่มีเลือดออกในกระเพาะอาหาร สาเหตุเนื่องจากได้รับประทานยาแก้ปวดกระดูกหัวเข่า Feldene ติดต่อกันมานานถึงห้าปี รู้ตัวเมื่อเย็นวันหนึ่ง ถ่ายออกมาเป็นวุ้นเลือดสดๆ ในขณะนั้นนึกถึงชื่อนายแพทย์ที่สนิทกันไม่ได้จึงให้หลานพาไปเข้าโรงพยาบาลธนบุรี เพื่อความสะดวกเพราะใกล้บ้าน หมอสั่งให้เข้ารับการรักษาทันที
ในคืนแรกผลเลือดยังไม่ต่ำมาก จึงเข้านอนพักอยู่ใน ห้องธรรมดา ตกดึกมีการคลื่นไส้อาเจียนออกมาเป็นเลือดสดๆ เต็มสี่ชามรูปไต หมอสั่งเอาเข้าห้อง ICU ด่วน เพื่อ ล้างกระเพาะและทำ Endoscope แพทย์ผู้ดูแลชื่อ คุณหมอ อุดม คชินทร เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโรคกระเพาะ คืนนั้น ต้องให้เลือดเข้าไปถึงสี่ packs รุ่งขึ้นหมอทำ scope อีก และ ผูกเส้นเลือดไว้ ต้องนอนอยู่ในห้อง ICU ถึงเจ็ดวัน จึงได้ย้ายออกมาอยู่ใน Ward เพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน แต่คืนนั้นก็อาเจียนเป็นเลือดซ้ำออกมาถึงสามชามรูปไต ต้องให้เลือด อีกสี่ packs เพราะเลือดต่ำ ยังกลับบ้านไม่ได้ นอนรักษา ตัวต่ออีกหนึ่งสัปดาห์เต็ม จึงกลับบ้านได้ ตอนต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๓๗
กลับมาอยู่บ้านได้ ๓-๔ วัน ก็เกิดอาการท้องอืด มีน้ำในช่องท้อง กลายเป็นโรคตับอักเสบ ต้องดูดน้ำออกคราวนี้ข้าพเจ้าต้องกลับไปหาคุณหมอประพันธ์ กิติสิน ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์อีกครั้ง คุณหมอตรวจแล้ววินิจฉัยว่า ข้าพเจ้ามีอาการ Low Albumin แน่นท้อง ทานอาหารไม่ได้ สั่งให้เจาะท้องเอาน้ำออก เจาะแล้วนอนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลได้สองสามวัน เริ่มมีอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก ต้องให้ Oxygen อาการจึงบรรเทาลง
ในตอนเช้าตรู่ ประมาณีสี่ของวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๗ รู้สึกอึดอัด หายใจขัด นอนไม่ลง ทั้งๆที่ได้รับ Oxygen แล้ว จนกระทั่งแปดโมงเศษๆ จึงให้คนเฝ้าโทรศัพท์ไปตามน้องสาว อำไพวรรณ สุวรรณมณี ให้มาโรงพยาบาลด่วน แพทย์ประจำ Ward ได้มาตรวจอาการและเรียนเชิญ น.พ. ประพันธ์ กิติสิน เพื่อขอคำปรึกษาแพทย์สั่งให้นำส่งห้อง ICT (Med) โดยเร็วที่สุด ข้าพเจ้ามีอาการช็อค หายใจไม่ออก เกือบจะหมดความรู้สึกอยู่แล้ว ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ ๑๓.๓๐ น. น้องชาย พลโท น.พ. ศิริชัย และภรรยา หลาน ญาติ และเพื่อนๆ ยังเฝ้าดูอาการอยู่พร้อมหน้า จึงได้เดินตามไปส่งคนไข้ถึงห้อง ICU ด้วยความเงียบสงบ ความรู้สึกของตัวเองขณะนั้น ดับ วูบไปแล้วและนอนหมดสติอยู่ถึง ๗ วัน ระหว่างนั้นทุกคน ที่มาเยี่ยมลงความเห็นว่า โอกาสรอดชีวิตของข้าพเจ้าน้อยเต็มที่ แม้แต่หลานชาย น.พ. ธเนศ สุวรรณมณี ถึงกับกล่าวว่า ถ้าคุณป้ารอดไปได้ แปลว่า ปาฏิหาริย์
ท่ามกลางความรู้สึกของทุกคนที่หมดหวังนั้น สติสัมปชัญญะอีกส่วนหนึ่งของข้าพเจ้าบอกว่า ตัวเองยังไม่ตาย แม้จะหมดความรู้สึกทางร่างกายไปแล้วก็ตาม จำได้แม่นยำว่ามองเห็นแสงสว่างภายนอกสองดวง พวยพุ่งมายังตัวข้าพเจ้า ดวงหนึ่งนั้นมาจากหลวงพ่อจรัญ (พระราช สุทธิญาณมงคล) แห่งวัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี อีกดวงหนึ่งนั้นมาจาก หลวงพ่อพุธ ฐานิโย (พระราชสังวรญาณ)แห่งวัดป่าสาลวัน จังหวัดนครราชสีมา พระคุณเจ้าทั้งสอง รูปนี้เป็นที่เคารพนับถือของครอบครัวเรามาก ทราบว่าระหว่างที่ข้าพเจ้าอาการหนักอยู่นั้น หมอศิริชัย น้องชายได้ไปกราบเรียนอาการให้หลวงพ่อจรัญทราบเป็นระยะ ๆ ท่านได้กรุณาแผ่เมตตา สวดมนต์ ให้แก่ข้าพเจ้าทุกวันครั้งละหนึ่งจบ ส่วนหลวงพ่อพุธ ฐานิโย นั้น หลานชายน.อ. พุทฒิ มังคละพฤกษ์ ซึ่งเป็นผู้บังคับการกองบินอยู่ที่นครราชสีมา ได้ไปกราบเรียนอาการของข้าพเจ้าให้ท่านทราบ ด้วยความเมตตาห่วงใยที่หลวงพ่อมีต่อข้าพเจ้า ท่านมอบพระให้หนึ่งองค์ สั่งว่าให้ไปติดตัวคนไข้ไว้ก่อนและให้ภาวนา พุทโธ พุทโธ ตลอดเวลา หลวงพ่อเองก็สวดมนต์ แผ่เมตตาให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเช่นกัน
เสมือนปาฏิหาริย์จริง ๆ เช้าตรู่วันที่ ๗ ในห้อง ICU ข้าพเจ้าเริ่มมีความรู้สึกทางร่างกายกลับคืนมาที่ละน้อยๆ น้องและหลานที่เฝ้าอยู่พยายามเรียก และพูดกับข้าพเจ้า “คุณป้าได้ยินไหม ๆ” ข้าพเจ้าตอบไม่ได้ ไม่อาจเปล่งเสียงออกมา เพราะมีเครื่องช่วยหายใจและอื่นๆ พันธนาการอยู่ ทารุณมาก เวลา Bag แต่ละเครื่องแย่ที่สุด ยิ่งเวลาดูดเสมหะออกแต่ละที เจ็บเหลือเกิน พยายามให้สัญญาณมือ ติดต่อกับพยาบาลพอรู้เรื่องกันได้ ค่อยๆ ลำดับเหตุการณ์ความรู้สึกก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ทีละน้อยๆ จนพยาบาลเอากระดาษ ดินสอมาให้ จำได้ว่าเขียนลงไปว่า ซาละเปาสอง ลูก น้องสาวถามว่า “อยากกินหรือ?” เราส่ายหน้า แต่เขียนตอบไปว่า มีคนมาขอกิน น้องสาวจึงเข้าใจ และพูดว่า “จะให้ใส่บาตรใช่ไหมๆ” พยักหน้าตอบ จึงได้รู้เรื่องกัน และรีบ ซื้อซาละเปาใส่บาตรให้แก่ผู้มาขอส่วนบุญ
ก่อนหน้าที่จะฟื้นคืนสติมานั้น ข้าพเจ้าได้มองเห็น ร่างเทพยดาทรงเครื่องสวมชฎา ประทับสง่างามราวกับพระอินทร์ อยู่บนศาลาจตุรมุข กวักพระหัตถ์ให้ข้าพเจ้า ขึ้นไป แล้วตรัสว่า “ขอให้เอ็งกลับไปยังโลกมนุษย์ ยังทำ ธุระไม่เสร็จให้กลับไปทำเสีย ข้ามีเวลาให้เจ้าสามวัน ไปทำให้เรียบร้อย” ข้าพเจ้ากัมลงหมอบกราบ แล้วถอยออกมาเดินลงบันไดไปที่สวนซึ่งเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ เดินไปจนถึงท้ายสวน มีประตูสีดำคล้ายอัลลอยด์ สลับสีทองบานประตูค่อยๆ แง้มเปิดออกให้ข้าพเจ้าผ่านออกไป ความรู้สึกตอนนั้นตัวเบาหวิว สบายๆ คล้ายกับเหาะลงสู่พื้นดิน จากนั้นก็เริ่มรู้สึกดีขึ้น ลำดับความเป็นมาต่างๆหมอเอาเครื่องอุปกรณ์ออกจากลำคอ ให้กินน้ำ ให้กลืนอาหารอ่อนๆ ได้เอง
พอรู้สึกตัวดี บอกกับหมอว่า ขอออกจากห้อง ICU วันนี้ ทนไม่ไหวแล้ว เล่าให้ญาติฟังว่า ถูกรบกวนตลอดเวลา ด้วยวิญญาณของเหล่าสัมภเวสี ที่วนเวียนอยู่ในห้อง ICU นั้น รวมทั้งวิญญาณของผู้มาขอกินซาลาเปา๒ ลูก ด้วย เป็นผู้หญิงจีนมีอายุแล้ว คอยอยู่จนค่ำจึงติดต่อขอ ห้องพิเศษได้ ที่ตึก ภ.ป.ร. ชั้น ๑๕ จึงย้ายออกจากห้อง ICU ไปอยู่ตึกพิเศษ นอนพักฟื้นอยู่อีกเกือบสองเดือน หมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ ในวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๓๘ เมื่อกลับมาถึงบ้านก็รีบทำบุญทันทีด้วยการเลี้ยงพระทั้งวัด ถ่ายชีวิต โค กระบือ ให้เงินบำรุงมูลนิธิเด็กกำพร้า และ อื่นๆ อีกหลายรายการ
ข้าพเจ้าขอบันทึกเหตุการณ์ครั้งนี้ไว้ เพื่อให้ญาติมิตร ได้ทราบถึงความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับตนเอง
บาป-บุญ นั้นมีจริงแน่ๆ ใครบำเพ็ญไว้ก็ไม่ไปไหนเสีย เป็นของตนเอง บุญกุศลนั้นเป็นเนื้อนาบุญ ตลอดจนผลานิสงส์ของพระคุณเจ้าทั้งสองที่ได้แผ่เมตตาให้แก่ข้าพเจ้า จนรอดชีวิตกลับมาเล่าเรื่องให้ฟังเป็นประสบ-การณ์ต่อไปได้
ขอกราบนมัสการพระคุณเจ้าทั้งสองด้วยความเคารพ
สุดา สุวรรณมณี
๑๐ พฤษภาคม ๒๕๓๘