ข้อคิดการดำเนินชีวิต
โดย พระราชสุทธิญาณมงคล (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม)
ท่านผู้ปฏิบัติธรรมทุกท่าน ที่เราตั้งใจมาปฏิบัติธรรมในวันนี้ มีทั้งพวกที่มาก่อนกำลังจะนมัสการลากลับ และพวกที่มาใหม่มาเข้ารับกรรมฐาน ท่านทั้งหลายมาปฏิบัติธรรมในเทศกาลสงกรานต์ นับเป็นโอกาสอันดี เป็นการสนองพระเดชพระคุณกตัญญูกตเวทิตาธรรมแก่บุพการีผู้มีพระคุณ คนยุคใหม่สมัยนี้ไม่ค่อยรู้จักบุญคุณของคนจึงไม่มีความเจริญรุ่งเรือง มีแต่ความร่วงโรยเสื่อมลงไป ก็เนื่องจากไม่มีการระลึกถึงพระคุณ
คนโบราณท่านระลึกถึงพระคุณผู้มีบุญคุณตลอด ท่านจึงมีวาสนาตั้งแต่ปู่ย่าตาทวด มาจนถึงลูกหลานคนยุคใหม่ไม่ค่อยเจริญรุ่งโรจน์เหมือนปู่ย่าตายายเพราะขาดคุณธรรมเรื่องบุพการี ขาดการระลึกถึงความดี คนเรา นี้ไม่มีความดีต่อกันแล้วความสัมพันธ์ในชีวิตก็หมดไป สัมพันธ์ในชีวิตนั้นคือเมตตา ลืมพระคุณของท่านผู้มีบุญคุณ ลืมพระคุณของศาสนา ลืมพระคุณของชาติภูมิมาตุภูมิบ้านเกิดเมืองนอน ลืมพระคุณผู้การุณหนุนนำอุปการะ ลืมทั้งบ้านเกิดเมืองนอน ลืมทั้งเครื่องอุปกรณ์ใช้สอยที่มีบุญคุณกับเรา แถมลืมพระคุณของตนเอง มือสองเท้าสองสมองหนึ่งก็เป็นที่พึ่งไม่ได้
ท่านที่มาเจริญกรรมฐานนี้ ถ้าท่านได้ซึ้งในรสพระธรรม และได้ระลึกถึงบุญคุณของผู้มีพระคุณ น้ำตาจะไหล ร่วง เป็นห่วงคนบุพการีที่สร้างความดีให้กับเรานั้น อาตมาเมื่อเป็นเด็กไม่เคยระลึกถึงบุญคุณของท่านที่มีบุญคุณ จึงประเมินตัวเองว่า เรานี่เห็นแก่ตัวจริงๆ
คนที่ระลึกถึงบุพการีกตัญญูกตเวทิตาธรรม คือคนที่เจริญพระกรรมฐานทำจิตใจให้มั่นคง ทำใจให้มีสมาธิ ตั้งสติไว้ให้ได้ โดยระลึกถึงคุณงามความดีของท่านผู้มีพระคุณแล้วเงินจะไหลนอง ทองจะไหลมา จิตใจก็เบิกบานปีติยินดีปรีดา มีปัญญาเฉลียวฉลาดสามารถในการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
เรามีประเพณีรดน้ำดำหัวเป็นประเพณีนิยมตลอดมา อาตมาทำทุกปี ๑๕ เมษายน ทำให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วง ลับไปแล้วสู่สัมปรายภพ แจกผ้าผ่อนท่อนสไบให้คนเฒ่าคนแก่บ้าง แล้วก็อุทิศส่วนกุศล ถวายแด่เทพเจ้าทั้งหลายที่สิงสถิตอยู่ในห้วยเขาลำเนาไพร ที่มีบุญคุณกับเรา แต่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินพระบรมบพิตรสมภารเจ้า ผู้มีพระคุณต่อประเทศชาติ มีพระคุณต่อพสกนิกรราษฎรทั้งหลาย ตลอดจนเพื่อนที่รัก หรือญาติสนิทมิตรสหายที่มีพระคุณกับเราด้วย
การที่ท่านมาปฏิบัติธรรมในวันเทศกาลมหามงคลสมัยเช่นวันนี้ท่านจะได้บุญกุศลมหาศาล เพราะเป็นเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ของชาวไทยพุทธ เปลี่ยนปี ชวด ฉลูบาล เถาะ มะโรง มะเส็ง ไปตามลำดับ เรียกว่าจันทรคติตั้งแต่๑๓ เมษายน วันนี้พระอาทิตย์ทรงกลดด้วย และจะเกิดดาวหางขึ้น ใครดูบ้างหรือเปล่า ช่วงนี้พอมีดลงก็จะเห็นดาวหาง ต้องดูให้ได้
ท่านทั้งหลาย ท่านเจริญกรรมฐานท่านมีชีวิตอันรุ่งโรจน์ จิตใจท่านจะเบิกบานหรรษา จะมีประโยชน์ใน ชีวิตของท่านเอง ไม่ใช่เรียกร้องให้มานั่งกรรมฐานกันแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะทำกันทำไม ในวันมิ่งขวัญมงคลนี้พระอาทิตย์อยู่ในแนว ๙๐° กับโลก แล้วก็จะเลื่อนคล้อยลงไป ถึง ๔๕° เปลี่ยนจากฤดูร้อนกลายเป็นฤดูฝน ฤดูฝนกลายเป็นฤดูหนาว พระอาทิตย์จะอ้อมข้าว เรียกว่า ๔๕° รู้สึกว่ามัน มีดเร็ว เป็นไปตามชะตาของราศีของพระอาทิตย์พระ จันทร์ มีการผลัดกันลงผลัดกันขึ้น
นี่แหละพี่น้องทั้งหลาย ชีวิตของเราก็มีการเปลี่ยนแปลง เดี๋ยวก็สุขเดี๋ยวก็ทุกข์ วันนี้ตั้งแต่เช้ามาท่านมีความ สุขบ้างไหม ตั้งแต่เช้าพระอาทิตย์ก็เลื่อนคล้อยชายมะพลับแล้วก็อัสดงตกลับไป เมื่อพระอาทิตย์ตกไปแล้ว ชีวิตเราก็หมดไปแล้ววันหนึ่ง และค่ำคืนในวันนี้อีกคืนหนึ่ง เวลาของเราก็หมดไป อายุก็มากขึ้นทุกเวลา เฒ่าชะแรแก่ชราเป็นขี้เถ้าในอนาคตด้วยกันทุกคน ไม่มีใครผู้ใดที่จะมีชีวิตแจ่มใสเสมอไป
ถ้าเจริญกรรมฐานได้ ทุกนาทีของท่านจะครองน้ำใจไว้ได้ ท่านจะมีแต่ความสุขความเจริญ นึกถึงบุพการีผู้มีบุญคุณไว้เสมอ ท่านจะไม่ผิดหวังในชีวิตของท่านแน่นอนเราจะไม่มีการนินทากัน ไม่มีการว่าร้ายป้ายสีแก่ท่านผู้ใดใครทั้งนั้น มีแต่ชีวิตที่รุ่งโรจน์ ในวันมหาสงกรานต์เช่นวันนี้ ถ้าท่านมาเจริญกรรมฐานท่านจะมีความสุขตลอดปี ชีวิตเปลี่ยนไปตามลำดับของจันทรคติ ชีวิตจะสดใส ทำอะไรก็เป็นสุข ใจก็สบาย แต่ท่านจะทำได้แค่ไหนกัน
การเจริญสติปัฏฐาน๔ เป็นการแก้ปัญหาชีวิต เป็นการแก้ปัญหาทุกข์ ถ้าเรามีทุกข์เกิดขึ้นในใจ ให้เจริญสติปัฏฐาน๔ เดินจงกรม ยืนหนอ๕ ครั้ง อาตมาพูดอยู่บ่อย ๆ แต่ท่านทำไม่ได้กันเลย ไม่ชอบทำกัน ยืนหนอ ๕ ครั้ง ให้มันมีสติอยู่ที่จิต กายยืนหนอ ๕ ครั้งหลับตาด้วยเท่านั้นเอง แต่ท่านไม่ค่อยตั้งใจกันนัก
ถ้าท่านมีศรัทธาจริง ตั้งใจจริง ท่านจะได้รับผลจริง ถ้าทำเหยาะแหยะทำปลอมทำแปลงท่านจะพบของปลอม ถ้าจิตใจท่านมั่นคงมีแต่ความอดทน ท่านจะพบของจริงตลอดรายการ ท่านจะไม่เดินไปหาของปลอม ข้อเท็จจริงเป็นประการใดท่านน่าจะคิดให้ได้
เกิดเป็นมนุษย์แสนจะยากลำบาก ท่านจงรักษาสมบัติมนุษย์ไว้อย่าให้สมบัติมนุษย์ต้องตกไปเป็นธาตุของ กิเลส ออกไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน ออกไปเป็นเปรต ขอให้ร่างกายเป็นมนุษย์ต่อไป ถือสมบัติมนุษย์หรือสวรรค์สมบัติขอให้เดินทางไปหานิพพานสมบัติด้วยความสุขความเจริญในชีวิตของท่านเถิดประเสริฐที่สุดนี่แหละ กิจฉัง มัจจานะชีวิตตัง
ท่านทั้งหลาย พระอาทิตย์เลื่อนลับชายมะพลับอัสดงคต พระอาทิตย์ก็ตกไปแล้ว ชีวิตเรายังไม่ดับแล้วไปอยู่ที่ไหนล่ะ พี่น้องทั้งหลาย รักษาชีวิตของเราไว้เถิดเกิดมายากเหลือเกิน อย่าให้ชีวิตนี้ประดักประเดิด อย่าทำตัวเองให้มัก ง่ายมักได้จนเกินไป มันจะเสียดายเวลาทั้งหญิงทั้งชายเป็นชายก็ขอให้จริงนะเป็นหญิงก็ขอให้แท้ ถ้ามาแสวงหาผลจริงก็คือเจริญพระกรรมฐาน ไม่ใช่ไปสวรรค์นิพพาน
น่าจะรู้ว่าระลึกชาติได้ไหม รู้กฎแห่งกรรมได้ไหม พรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น และแก้ปัญหาชีวิตได้ไหม อะไรมันจะเกิดขึ้นมันก็ต้องเกิด ตรงนี้แหละท่านทั้งหลาย ท่านจะเอาอะไรเป็นหลักประกันชีวิต การประกันชีวิตโดยแก่นสารและเนื้อแท้ก็คือการเจริญสติปัฏฐาน๔ ขอให้มีสติ ถ้ามีสติอยู่กับใจท่านแล้วชีวิตท่านก็จะโปร่งโล่งใส จะมีปัญญา ท่านจะ มีแต่ความเจริญรุ่งเรืองเหมือนมีใบประกันชีวิตแล้ว ถ้าท่านขาดเจริญพระธรรม ขาดสติสัมปชัญญะแล้ว แสดงว่าท่านมาเปล่าไปเปล่าไม่มีอะไรเลย
ท่านทั้งหลาย นี่แหละ กิจฉัง มัจจานะ ชีวิตตัง ชีวิตเราล่วงเลยมาถึงบัดนี้แล้ว จงรักษาชีวิตที่มันเกิดมายากและอยู่มาด้วยความยากลำบากไว้ กิจฉัง มัจจานะ ชีวิตตัง มีความหมาย กิจฉัง สัทธัมมัสสวนัง ที่จะได้มาปฏิบัติธรรมปฏิบัติกรรมฐานแสนจะยากนะ ท่านเสียเวลามาท่านได้อะไรกลับไปบ้าง ให้มันได้เพื่อติดตัวติดหนังไปบ้าง ติดวิญญาณของท่านไป มีเทปบันทึกเสียงติดจิตใจของท่านไป บ้าง จิตเป็นธรรมชาติรับรู้อารมณ์วิญญาณแปลว่า ญาณจะได้แก้ปัญหา จะไม่มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ สามีภรรยาจะได้อยู่เย็นเป็นสุขแน่นอน
ขอฝากท่านทั้งหลายในที่ประชุมนี้ ท่านจะมีความสุขความเจริญได้หรือไม่ สามีภรรยาท่านจะมีความสุขไหม ถ้าทะเลาะกันทุกวัน นี่มาร้องไห้ก็มากหลาย พี่น้องแย่งสมบัติกันทะเลาะกันพ่อแม่ก็น้ำตาร่วง นี่เลวที่สุดเกิดมาเป็นคนเลว น่าจะเกิดมาเป็นคนดีมีปัญญา พี่ช่วยน้อง น้อง ช่วยพี่ สร้างความดีให้พ่อแม่บ้างได้ไหม สามีภรรยาก็เลว ร้ายทะเลาะกันได้ทุกวัน ขนาดปริญญาโทก็ทะเลาะกัน ตบกัน เตะกัน น่าเสียดายมาก
เกิดมาทำไมหนอ เกิดมาชีวิตก็แร้นแค้น เกิดมามีแต่ความทุกข์ แล้วยังไปหาความสุขในสังคม วันเกิดเลี้ยงเหล้า ลืมพ่อลืมแม่ ลืมปู่ย่าตายาย น่าจะไปเลี้ยงแม่ให้อิ่มเสียก่อน ถ้าใครไปเจริญกรรมฐานจะนึกถึงแม่ก่อน พระ พุทธเจ้าท่านยังคิดถึงแม่ท่าน เลยแสดงยมกปาฏิหาริย์โปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
เรื่องนมแม่ก็เหมือนกัน บางคนเถียงอาตมานะ บอกหลวงพ่อผมเกิดมาไม่ได้กินน้ำนมของแม่หรอก เอ มันกินนมหมาหรือยังไง นายคนนี้กินนมหมาแน่ ไม่ได้กินนมแม่ ถามว่าอยู่ในท้องแม่น่ะกินนมอะไร ขนาดปริญญาโทยังมาพูดอย่างนี้ที่กุฏิเลยบอกเลิกพูดกันแล้ว นี่แหละคนมันจะเจริญไม่ได้ เอาปูนหมายหัวมันไว้ก่อน มันไม่ได้กินนมแม่เลยไม่ได้คิดถึงแม่เลยนะ ถ้าเจริญกรรมฐานน้ำตาจะร่วงคิดถึงแม่ อาตมาคอหักก็คิดถึงแม่เหมือนกัน
อาตมาคิดถึงแม่ทุกวัน ที่เราหายใจทางสะดือได้เลือดเต็มปากจะหายใจได้ยังไง เราทำได้ที่พูดนี่นะ ไม่ใช่ว่า พูดส่งเดช ไม่มีพยานหลักฐาน ไม่มีรูปถ่าย เราคิดถึงแม่ตลอดเวลา นี่บางคนมาเถียงอาตมาว่าไม่ได้กินนมแม่ แต่ตอนอยู่ในท้องแม่กินนมแม่ทางสะดือใช่ไหม เลือดแต่ละหยดๆ ในอกแม่ออกมาแล้วก็ดื่มนมแม่ เดี๋ยวนี้เขาไม่กินนมแม่กันลูกมันถึงไม่รักแม่ ไปรักเดรัจฉาน ไปกินนมเดรัจฉาน แน่นอนที่สุด ขอฝากไว้เป็นข้อคิด
เมื่อสมัยก่อนเขาก็กินนมแม่กันจนกระทั่งขวบสองขวบยังไม่ละนม กินนมแม่จึงเหมือนแม่ เดี๋ยวนี้ไม่มีที่ลูก กับแม่เหมือนกัน ไปเหมือนคนใช้ แม่ไม่เคยเลี้ยงลูกเลยให้คนใช้เลี้ยงไปจ้างคนมาเลี้ยง จ้างคนสัพเพเหระลูกเราก็ติดคนสัพเพเหระ กลายเป็นคนสัพเพเหระไม่ได้ติดแม่แต่ประการใดเลย ท่านทั้งหลายที่นั่งกรรมฐานนี่รู้ได้ว่าท่านเป็นคนประเภทไหน จะมีกุศลหรือไม่มีกุศลประการใด
การเจริญกรรมฐานเป็นการประกันชีวิตของท่านอย่างแน่นอน กิจฉัง สัทธัมมัสสวนัง การที่สดับตรับฟังพระธรรมเทศนาที่แสนจะยาก จ้างมาฟังเทศน์ไม่มีใครมาฟัง กิจโฉ พุทธานะ มุปปาโท การที่จะเกิดมาพบพระพุทธเจ้าพบพระพุทธศาสนานั้นแสนยาก ไม่มีโอกาสที่จะเกิดมาและได้พบอย่างนี้หรอก ดังที่พระพุทธเจ้าเรียบเรียงตำรับตำราให้เราแล้ว แต่เหตุใดหนอเราจึงไม่สนใจกัน น่าเสียดายมาก
กายานุปัสสนา จะยืน เดิน นั่ง นอน เหลียวซ้ายแลขวา มีสติบ้างได้ไหม คนมีสติจะทำให้สำรวมเรียบร้อยกายเรียบร้อย วาจาก็เพราะ นี่แหละ สำรวมกายนี่คือศีล สำรวมจิตนี่ก็คือสมาธิ สังวรจิตมีสมาธิแล้วก็ระวัง มีปัญญาไม่ประมาทอีกต่อไป ปัญญาก็จะเกิดขึ้น ชีวิตท่านก็จะเกิดประโยชน์ในกิจประจำวันนั้น จะแก้ไขปัญหาได้ มีกฎแห่งกรรมรู้ว่าเราทำกรรมอะไรไว้ มันจะปรากฏให้เราทราบ
ด้วยการยืนหนอ๕ ครั้ง ด้วยการกำหนด ปวดหนอ ปวดหนอ เดี้ยวก็เกิดดับไปแล้วก็จะได้รู้ว่าเป็นกฎแห่งกรรมหรือไม่ หรือปวดเมื่อยธรรมดา เวทนาธรรมดาแยกรูปแยกนามออกไป เวทนามันก็ออกไป ไม่มีอุปาทานไปยึดมั่น จิตใจก็เบิกบาน นี่แหละตัวปัญญาอยู่ตรงนี้ จึงจะเป็นวิปัสสนาไม่ไปไหน
นี่แหละเหตุผลของการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ไม่มานั่งกันสนุกสนาน มานินทาว่าร้ายซึ่งกันและกัน ถ้าจิตดีมีปัญญาทำอะไรก็ได้ผล รับราชการก็ได้ตำแหน่ง ธุรกิจการงานก็ได้เงินได้ทอง ทำอะไรมีปัญญา งานก็เดินเงินก็ตามมาหาเราเอง งานไม่เดิน เงินก็ไม่ตาม ชีวิตก็แร้นแค้น
คนเราเดี๋ยวนี้นึกถึงบุญคุณของคนบ้างไหม การเจริญกรรมฐานทำให้นึกถึงบุคคลผู้มีพระคุณ คนสมัยนี้ไม่นึกถึงบุญคุณของใคร ให้อะไรข้าพเจ้าไม่จำ ไม่นึกถึงบุญคุณเขาแต่ประการใด ถึงให้มาก็เป็นของซื้อของขายได้ตามตลาดเท่านั้น แลกเปลี่ยนกันเท่านั้น แต่เราไม่นึกถึงน้ำใจซึ่งกันและกัน คนเรารักกันด้วยน้ำใจ รักกันด้วยเมตตา จะ รักกันได้ทนทาน ถ้ารักกันแล้วต้องมีของแลกเปลี่ยน หวังผลแลกเปลี่ยน คนนั้นไม่รักกันจริง ไม่มีเมตตา ไม่มีอัธยาศัย ไม่มีน้ำใจคนนั้นจะไม่มีความเจริญรุ่งโรจน์แต่ประการใด
ฉะนั้นการเดินจงกรมต้องตั้งสติให้ดี ดูเท้าด้วย เท่าที่อาตมาเห็นเขาหลับตาเดินบ้าง มองนั่นมองนี่บ้าง ต้องดูปลายเท้า และก็ก้าวไปช้าๆ ทำอย่างที่อาตมาบอก รับรองได้ผลแน่ ยืนหนอ๕ ครั้ง ให้มันได้สติสตางค์หน่อย ทำได้แล้วจะได้รู้เหตุการณ์วาระจิตของคนได้ เห็นคนเดินมาจะได้รู้ว่าอ๋อ คนนี้นิสัยไม่ดี คนนี้คบค้าสมาคมไม่ได้ คบได้แต่ค้าร่วมไม่ได้ จะขาดทุน มันจะบอกออกมามีประโยชน์ในการแก้ปัญหาชีวิตมาก แล้วเราจะได้รู้ว่าเราไปทำกรรมอะไร ไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิตใครมาบ้าง แล้วเราจะได้รับเวรกรรมที่ไหน เวลาใด อย่างไร เราจะได้ระวังตัวไม่ประมาท ต่อไป ถ้ามีเวรกรรมตามสนองเรา เราจะได้แก้ไข จะไม่ปฏิเสธ ยินดีรับกรรมที่จะสนองเรา เหมือนอย่างอาตมาโดนฟ้าผ่า โดนไฟลวก น้ำร้อนลวก โดนรถชนคอหัก ขาหัก แขนหัก โดนลงถ้ำลงเหวที่แม่สอด มิได้ปฏิเสธ เพราะเราทำกรรมไว้
ท่านทั้งหลายโปรดคิดอย่างนี้ ถ้าท่านทำกรรมฐาน ท่านจะคิดได้ ท่านระลึกได้ ท่านจะรู้ว่ากฎแห่งกรรมเป็นอย่างไร ที่อาตมากล่าวนี่อาตมาทำได้แล้วและผ่านพ้นเวรกรรมมาหลายประเด็นแล้ว ต้องสู้กับเวรกรรมมาก็มากหลาย ฟ้าผ่าต้องทนทุกข์ทรมานมาก ต้องหูหนวกมาถึง ๖ เดือน ที่สาบานกับยายที่ลักเงินลักทอง ก็ขอเตือนท่าน ทั้งหลายสอนลูกสอนหลานอย่าไปลักเงินลักทองพ่อแม่ ถึงจะเป็นปู่กับย่า ตากับยายบ้านเดียวกันก็ลักไม่ได้ ถ้าเราไม่ได้ขออนุญาตจะเป็นบาปเป็นกรรมอย่างใหญ่หลวง ลักพ่อ ลักแม่ลักปู่ย่าตายาย อย่าคิดว่าไม่บาป นั่นแหละบาปร้ายแรง ๒ คูณเลยนะ เห็นทันตา จะเอาของพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ก็ต้องขออนุญาตท่านก่อน ถ้าท่านให้ค่อยเอาไป ได้กับตัวอาตมาเลย ถูกฟ้าผ่าดังที่สาบานไว้อย่างนี้เป็นต้น ท่านทั้งหลายอย่าไปลองกัน สอนลูกสอนหลานไว้ให้ได้ จะได้ไม่เสียใจ
ถ้าใครผูกพยาบาท ให้หายใจยาวๆ เดี๋ยวก็หาย นี่เรื่องจริงเป็นอย่างนี้ ไม่ค่อยปฏิบัติกันนะ แต่ก็ไม่ว่าอะไรแล้วแต่โยม โยมต้องการก็เอาไป ไม่ต้องการก็ทิ้งเอาไว้ที่นี่อาตมากล่าวมาก็เป็นเรื่องจริง ก็ผ่านมาแล้ว คนมีบุญก็เอาไป คนมักง่าย มักได้ไม่มีราคา มันก็มองไม่เห็นของดีก็ขอเจริญพร
เหมือนไก่กับเพชรนิลจินดา ไม่รู้คุณค่าของเขา ก็เช่นเดียวกัน คนดีเท่านี้เอง ดีกว่านี้ไม่ได้ แล้วก็ช่วยไม่ได้ดีกว่านี้ไม่ได้เราก็อยากให้เขาดีนะ อยากส่งเสริมให้เขาเป็นคนดีด้วยกันทุกคน แต่เขาดีไม่ได้ เพราะเหตุใด ก็เขาดีแค่นั้นมันดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว ก็เลิกกันแค่นั้นเอง ชาติตะกั่วมันก็เป็นทองคำไปไม่ได้ ตะกั่วก็เป็นตะกั่วจะเสกให้เป็นทองคำก็ไม่ได้ จะเสกทองคำให้เป็นตะกั่วก็ไม่ได้
คนดีมีปัญญาจะเสกให้เป็นคนชั่วก็ไม่ได้ คนชั่วคนเลวมักง่ายมักได้จะเสกให้เป็นคนดีมีปัญญามันก็ทำได้ยากใครจะทำให้ใครได้ ไม่มีแล้ว ตัวเองต้องแก้ตัวเอง ตัวต้องสร้างเอง สร้างฐานะเอง อย่างนี้เป็นต้น รับรองท่านจะได้อานิสงส์สมความมุ่งมาดปรารถนาทุกประการ
ก็ขอฝากอีกอย่างหนึ่งว่า กลับไปบ้านอย่าเอาน้ำไปสาดเขา ขับรถให้ระมัดระวัง อย่าสร้างบาปสร้างกรรมควรจะอโหสิกรรมให้กัน ท่านที่เคยทะเลาะตบตีกันโปรดอโหสิกรรมกันตั้งแต่วันนี้ อย่าได้ทะเลาะวิวาทกันอีกต่อไปขอให้ลูกๆ สร้างความดีให้แม่ต่อไปเถอะ พ่อแม่อย่าทะเลาะ กันนะ ลูกจะไม่สบายใจ
สรุปว่า จงสรรค์สร้างความดีให้กัน ช่วยกันดีกว่า ไม่ทำลายซึ่งกันและกัน จงแผ่เมตตาให้ศัตรูกลายเป็นมิตรกับเรา มีไมตรีจิตต่อกัน เพราะฉะนั้นพระศาสนาสารพัดในปฐพีเอามาช่วยให้มีไมตรีต่อกันดีกว่าพาลกัน เรารักกันดีกว่าเราเกลียดกัน เรามารักกันด้วยเมตตาปรารถนาดีต่อ กัน มีอะไรก็ช่วยกันเถอะ แบ่งกันกิน แบ่งกันใช้ มันไม่หมดเปลืองเท่าไรหรอก มีอะไรก็ช่วยเหลือกัน จนกว่าจะตายจากโลกไป เมื่อเราตายจากโลกไปแล้วเราก็เอาไปไม่ได้ก็ขอฝากคติธรรมในวันมหาสงกรานต์มหามงคลสมัย มหามงคลชีวิต โดยทั่วหน้ากัน ณ โอกาสบัดนี้
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย อำนาจบุญกุศลที่เราได้บำเพ็ญมาทุกประการ จงประสาทพรชัยให้ท่านทั้งหลายจงประสบแต่ความสุขสันต์นิรันดร ขอจงเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย มีอายุขอให้ยืนนาน วรรโณ ผิวพรรณผ่องใส สุขังขอให้สุขภาพอนามัยเป็นไปแต่โดยดี โรคภัยไข้เจ็บมีก็โปรดหาย สิ่งทั้งหลายที่คิด จงสำเร็จ สมเจตจำนงความมุ่งมาดปรารถนาด้วยกันทุกท่าน ณ โอกาสบัดนี้เทอญ
๑๔ เมษายน ๒๕๔๐