ชนะใจตนชนะคนทั้งโลก

โดย พระราชสุทธิญาณมงคล (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม)

เราทุกคนทราบและเข้าใจแล้วว่า การมาปฏิบัติธรรมของอุบาสกอุบาสิกานั้นมายาก คำที่ว่า มายาก คือต้องเสียสละงานของท่านมาช่วงจังหวะวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ทั้งที่บางท่านก็ทำงานตลอด ไม่มีวันหยุด บางท่านก็หยุดวันอาทิตย์วันเดียว ก็น่าเห็นใจ ถึงกระนั้นก็ตาม ท่านยัง อุตส่าห์เสียสละเวลามาสร้างความดีมีประโยชน์ต่อการงานในระหว่างงานหรือกิจส่วนตัวนั้น การสละเวลามาสร้างความดีเช่นนี้หาได้ยากมาก แต่พวกที่จะเสียสละและตัดปลิโพธกังวลได้นั้นต้องเป็นบุคคลที่เห็นคุณค่าของชีวิต เมื่อเรามีชีวิตแบบลุ่มๆ ดอนๆ เดี๋ยวสุข เดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง เดี้ยวก็สบายใจ เดี๋ยวก็ไม่สบายใจ มีแต่ความ ทุกข์ความยากตลอดไป การที่จะให้มีความสุขทุกคนนั้นแสนจะยาก

เราเกิดมาในความทุกข์ หาความสุขที่จะเสมอตันเสมอปลายนั้นแสนยาก ที่ท่านเสียสละมากันนั้นท่านคิดถูก ต้องแล้ว มาสร้างความดีในเวลาที่จำกัด ถ้าเวลาที่จำกัดนั้นเราทำด้วยความตั้งใจ มีศรัทธา มีจิตมั่น ยึดเหนี่ยวในคุณพระศรีรัตนตรัยแล้ว ก็จะปฏิบัติธรรมได้ประโยชน์ ไม่มากก็น้อย แต่จะเอา ๑๐๐% ก็ยากอยู่ เพราะเวลาเรามันจำกัด ต้องเสียสละการงานและหน้าที่มา ถึงหากว่าเราจะหยุดวันเสาร์ อาทิตย์ ก็ต้องมีงานบ้านงานส่วนตัวด้วยกัน ทุกคน ไม่มีใครที่จะอยู่ว่างๆ เฉยๆ คนที่เสียสละได้เพราะมองเห็นการณ์ไกล ก็พยายามสละเวลาตัดปลิโพธกังวลมาเพื่อปฏิบัติธรรม ปฏิบัติได้บ้าง พอรู้แนวทางของการปฏิบัติธรรมว่าจะอยู่ตรงไหน ตั้งสติไว้อย่างไร ได้เจริญกุศลภาวนาประการใดก็พอมีความเข้าใจได้บ้าง เป็นนิสัยปัจจัย ต้น ๆ มีโอกาสก็มาอีกได้

บางคนปฏิบัติแล้วกลับไปไม่มาอีก ความดีก็จะไม่เสมอต้นเสมอปลาย เราไม่สามารถจะใช้ให้จิตใจมีโอกาสสร้างความดีได้ การเจริญสติปัฏฐาน ๔ นั้น ก็ไม่ใช่ของ ง่าย ทำได้ยากมาก แต่เรารู้แนวทางปฏิบัติก็ทำไปโดยต่อเนื่อง ทำซ้ำไปและก็ทำไปเรื่อยๆเป็นประจำ ก็สามารถจะกำหนดจิตใช้สติเราได้ดี แต่ถ้าเรามีสติดีได้แล้วมันจะชนะ จิต จิตนี้มันจะคิดอะไรต่ออะไรบ้างเราก็ไม่ทราบ เราไม่เข้าใจ ถ้าเรากำหนดจิตอยู่ตลอดเวลาที่จะเปลี่ยนอิริยาบถ และกำหนดจิตได้ถูกอิริยาบถแล้ว เราก็จะสามารถชนะจิตเราได้ จิตที่เราชนะมันไม่ได้ก็ปล่อยไปตามอารมณ์ เวลาเสียใจไม่สบายใจก็ปล่อย ไม่รู้จักแก้ไข ขาดสติเมื่อใดใจก็จะเลเพลาดพาดไปอย่างนั้น

เรามาเจริญพระกรรมฐานปฏิบัติอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก ไม่ใช่ของยากอะไรนักหนา แต่ของที่ยากที่สุดนั้นก็คือ จิตของเราไม่ได้สนใจ ขาดสติตกไป ไม่สามารถจะชนะใจเราได้ จิตมันก็แพ้ จิตใจเหลวแหลกแตกลาญ เหมือนคน ติดยาเสพติด บอกเลิกแล้วก็ไม่เลิก เลิกไม่ได้ก็แพ้อยู่ตลอดชนะไม่ได้ ถ้าเรามีสติอยู่ในสมาธิ ตั้งอยู่ตลอดรายการแล้ว ก็สามารถชนะเข้าสักวันหนึ่ง ในเมื่อเราชนะจิตใจของเราได้ ก็สามารถชนะคนอื่นได้โดยไม่ยากนัก แต่เราก็ยังแพ้ตัวเองอยู่ไม่สามารถจะชนะใจตนได้ คนเราจึงขยันไม่เท่ากัน ขี้เกียจไม่เท่ากัน เนื่องจากว่าไม่มีการชนะจิต ไม่อยากเอางานเอาการแต่ประการใด คนประเภทนี้ควรแพ้ แพ้แปลว่า มันแย่ลง แย่ลงไปแล้วก็ไม่มีอะไรดีขึ้นอีก ไม่สามารถแก้ไข ปัญหาที่มันเกิดขึ้นในชีวิตของตนเลย นำความหายนะเข้ามาสู่จิตก็เนื่องจากเราขาดสติไปนั่นเอง ถ้าเรามีสติกำหนดได้ เช่นยกตัวอย่างว่า ยืนหนอ๕ ครั้ง เราก็ยังทำกันไม่ได้ ถ้าทำได้แล้วจะรู้ซึ้งถึงจิตว่าจะชนะมันตรงไหน เรามีสติควบคุมไว้ได้

เวลาพูดนั้นมันมีสัจจะความจริงที่ขณะพูด แต่พูดแล้วไม่ทำเพราะเหตุใด คนพูดแล้วไม่ทำ คือคนแพ้ แพ้แล้วมันก็ต้องแย่ แย่แล้วมันก็ต้องทรุด ไม่ได้วิมุติ ไม่สามารถจะสำเร็จมรรคผลแต่ประการใด ไม่สามารถสำเร็จแน่นอนทั้งทางโลกและทางธรรม ทำอะไรก็จับจดเหมือนคนไปเข้างานบริษัท เข้าแล้วก็ออก มันเบื่องาน ไปเข้างานโน้นก็ออกงานนี้ มันจับจดตลอดเวลา นี่แปลว่าผู้พ่ายแพ้ไม่มีการชนะจิตใจได้เลย ก็จะมีแต่ความทุกข์ความเพ้อผันไปต่างๆ นานาประการ มีความทุกข์แล้วก็ดิ้นรนไปตามเรื่องกุศลอกุศลกรรม ไปหาผีเจ้าเข้าทรง ไปหาที่พึ่ง แต่แล้วขาดที่พึ่งของตน การเจริญกรรมฐานต้องการจะพึ่งตนให้ได้ ต้องตั้งสติให้มันปลงตก ทำจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์

คนที่พูดแล้วไม่ทำ พ่ายแพ้ทั้งคำพูด พ่ายแพ้ทั้งอารมณ์ อารมณ์ก็ข่มให้อยู่ที่ ไม่ได้ธรรมะ ไม่มีอะไรข่มใจธรรมะตัวนี้แหละแปลว่า ข่ม แปลว่าให้จิตอยู่ที่ คือสติตัวเอง สตินี้มันทำให้ข่มได้หลายอย่างทำใจให้สบายก็ได้ แต่ขาดสติเมื่อใด เราจะเสียใจเมื่อนั้น จะทำอะไรก็ไม่ได้ผลมีแต่ความเกียจคร้าน เกียจคร้านต่อหน้าที่การงานไม่เอางานเอาการ การงานก็เสียไปเองเป็นการ ทำร้ายตัวเองคือพวกพ่ายแพ้ เป็นการทำลายตัวเอง คนที่สร้างตัวเอง ส่งเสริมตัวเองให้ดีนั้นก็เป็นผู้ชนะจิต โดยมีสติควบคุมเอาไว้ได้ ถ้าเราควบคุมไว้ไม่อยู่ จิตใจจะออกไปข้างนอก ไม่สามารถจะตามไปดูมันได้ จิตใจก็เลเพลาดพลาดไปตามสภาวะของเขาเหล่านั้น ไม่สามารถจะอยู่คงที่คงวาคงศอกได้เลย ก็กลายเป็นคนที่เหลวแหลก ทำอะไรก็จับจด ทำอะไรก็ขาดความจริงใจ ขาดเหตุผลข้อนี้ไป

การเจริญสติปฏิบัติธรรม ถ้าทำโดยต่อเนื่องไป จะเป็นคนมีธรรมะประจำใจ จะเป็นคนเรียบร้อย อิริยาบถก็จะเปลี่ยนเป็นเรียบร้อยสวยงาม น่าดู น่ารัก น่าชม จะรับประทานอาหารก็เรียบร้อยไม่มุมมาม ไม่เกะกะ จะเรียบ ร้อยทุกอย่าง นี่การปฏิบัติธรรมเป็นอย่างนี้ ถ้าไม่สำรวมขาดความสังวร ขาดสติ ไม่ระวัง มันก็มักพลาด เกิดเป็นความประมาทขึ้นกับตัวท่านเอง ตัวท่านเองจะทำอะไรไม่ได้ดี ทำนองนี้เป็นต้น

การยืนหนอ๕ ครั้ง เราต้องตามวัด วัดตั้งแต่ศีรษะลงปลายเท้า วัดจากเท้าขึ้นมาบนศีรษะ ให้มันมีสติอยู่ด้วย ท่านทำได้ท่านก็จะชนะ เมื่อท่านชนะใจตัวเองได้แล้วเหตุใดเล่าจะชนะคนอื่นเขาไม่ได้ ท่านจะแพ้ตัวเองอยู่เสมอ มันก็มักแพ้คนอื่นด้วย พระพุทธเจ้าท่านยกตรงนี้มาสอนชัดเจนมาก ถ้าชนะตัวเราได้ ชนะจิตใจได้เมื่อไร ก็เปรียบประดุจว่าชนะคนทั้งโลกได้

โลกมนุษย์จะเป็นโลกที่แจ่มใส ไม่มีอนาทรร้อนจิตได้ก็ต่อเมื่อเราชนะตนเองได้ ชนะโลกก็หมายถึงทำโลกให้สว่าง ให้มันสว่างไสวเหมือนแสงสว่างในปัญญาของตน ถึงจะได้กุศล ทำอะไรก็ไม่จับจด ทำอะไรก็เรียบร้อย เช่น หายใจเข้าออก บางคนก็ยังกำหนดกันไม่ได้ มันไม่ค่อยได้จังหวะ อารมณ์ของตนเองก็จะร้อนบ้างเย็นบ้าง หายใจเข้าออกไม่เสมอต้นเสมอปลาย ขาดเป็นช่วงๆ ความชัดเจนของการมองท้องพองยุบมันก็ไม่ชัด เพราะเราขาดสติ สติเราไม่พอนั่นเอง

การเดินจงกรม พยายามเดินให้ช้าเข้าไว้ เดินไวมันขาดสติ ทำอะไรรวดเร็วมากเกินไปมักขาดสติ ขาดสติเมื่อใด จิตมันจะเป็นทาส มันจะขาดความคิดอ่านขาดความรู้ ขาดความตั้งใจ และมันขาดประสบการณ์ที่มันเคยประสบมา ท่านทั้งหลายมีอุดมการณ์ในชีวิตของท่าน ท่านจะมีสติ ยก ตัวอย่างให้เห็น เกิดมาตั้งแต่เล็กๆ ไร้พ่อไร้แม่ ต้องพึ่งตัวเองตลอด ในการเหนื่อยยากลำบากลำบนต้องทนตลอดรายการ

คนมีสติมีอุดมการณ์จะอดทนต่อการงาน และหน้าที่ตั้งแต่เล็ก อยู่ในกองเงินกองทอง อยู่ในบ้านเศรษฐีแต่เอาดีไม่ได้ เพราะเหตุใด เพราะไม่มีความอดทน พอแยกครอบครัวไปแล้วโดนเข้าหมดทุกราย เพราะไม่เคยทนทุกข์ทรมาน ลำบากมาก่อน คนที่ไม่เคยลำบากมาก่อนไปทำอะไรโดนยากลำบากเข้า จิตก็ลอดออกไปนอกประเด็นขาดขันติความอดทน ขาดขันติธรรม แล้วจะมีประโยชน์อันใดหรือ บางคนชนะใจตนเองไม่ได้ ตั้งใจทำ ๓ วันทำ ๓ วัน บ้าง ๗ วันบ้าง แต่ยังไม่ครบกำหนดที่ตั้งใจไว้ก็ลาไปแล้ว บอกหนูทำไม่ได้ นี่แหละมันเป็นอย่างนี้หนอของง่ายๆ ก็ทำไม่ได้แล้ว แล้วของยากจะทำกันได้อย่างไร

การเจริญกรรมฐานไม่ใช่ของยาก แต่ปัญหาอยู่ที่ความตั้งใจทำ เรามีศรัทธาหรือเปล่า ไม่มีศรัทธาสร้างความดี มีแต่ศรัทธาสร้างความชั่ว ไม่มีความอดทน ไม่มีการต่อสู้ที่จะสร้างความดี ชีวิตก็จะเลเพลาดพลาดทั้งชีวิตพลาดจากการงาน การงานที่เป็นหน้าที่ของตนก็ทำไม่ได้เช่น กิจวัตรสวดมนต์ไหว้พระก็ไม่สนใจ ไม่อยากสวด อวดใครเขาไม่ได้ คนเราจะอวดใคร ต้องเอาความดีของตนเข้าไปอวด ไม่ใช่เอาความชั่วไปอวดเขา คนเราไม่ใช่ว่าจะอวด ดีกว่าคนอื่นเขา แต่มีความดีให้เขาเห็น ให้เขาได้เป็นพยานหลักฐานบ้างจะดีกว่า

การสร้างความชั่วนี้มันสร้างออกไปง่ายๆ แต่ทำความดีมันยากลำบากใจเสียเหลือเกิน ก็ไม่อยากจะสร้าง กัน การมาเจริญกรรมฐานจึงไม่ชอบประกอบความดีกันชอบไปประกอบความชั่ว เอาตัวเลวร้ายในสังคม เป็นที่พึ่งของใครก็ไม่ได้ ทำไมถึงเป็นที่พึ่งใครไม่ได้ เพราะตอบคำเดียว เพราะพึ่งตัวเองไม่ได้นั่นเอง ช่วยเหลือตัวเองยังไม่ได้แล้วใครจะมาช่วยเรา หรือจะมาพึ่งเราได้เล่า เห็นไหม มันออกมาในรูปแบบที่ชัดเจนมาก

ท่านเอาชนะจิตใจท่านได้ ท่านจะมีความสุขมาก ถ้า ท่านแพ้อยู่ตลอด ท่านก็จะไม่สามารถชนะกิเลสความชั่ว ต่างๆ ภายในตัวท่านได้เลย เช่นความโกรธ ท่านก็ไม่สามารถจะชนะความโกรธของท่านได้ ท่านจะมีแต่ความโกรธ ขี้โมโห ขี้หึง ขี้หวง หนักหน่วงในหัวใจ ทำอะไรจะไม่มีแบบแผน

ท่านทั้งหลายเอ๋ย ถ้าเรามาเจริญกรรมฐานเพิ่มพลัง จิต ให้เกิดรักตัวเองให้มาก ก่อนที่จะไปรักคนอื่นเขา ท่านจะยอมรักคนอื่นมากกว่ายอมรักตนเอง มีที่ไหน ท่าน อุบาสกอุบาสิกาทั้งหลาย ถ้าท่านเจริญกรรมฐานได้ผล ท่านจะสงสารตัวเองว่า เมื่อก่อนเราสร้างความชั่วไว้มากมายก็จริง ยิงนกตกปลา ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมามากมายก็จริงแต่เอาละตอนนี้ข้าพเจ้าจะขอตั้งใจ ต่อไปในชีวิตของ ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะขอตั้งสัจจะไว้ จะไม่ขอกระทำชั่วเช่นนี้อีกต่อไป จะสร้างแต่เมตตา จะช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป

การเจริญกรรมฐานทำให้ช่วยเหลือตัวเองได้ทุกกระเบียดนิ้ว เราสอนตัวเองได้เมื่อใดแล้ว เราก็จะสอนคน อื่นได้ ถ้ายังสอนตัวเองไม่ได้ไม่ต้องไปสอนคนอื่นเขา เช่นครูโรงเรียน คุณครูมักสอนว่า “นักเรียนเอ๋ย เจ้าต้องทำอย่างที่ครูสอน แต่อย่าเอาเยี่ยงอย่างที่ครูทำ” เพราะครูกำลังจะไปกินเหล้า เดี้ยวครูจะไปเล่นการพนันแล้วนักเรียนเอ๋ย นี่มันเป็นอย่างนี้แล้วใช่ไหมครูบาอาจารย์สมัยนี้ กรุณาเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับนักเรียนหน่อย

บางทีครูอาจารย์สอนกรรมฐาน ก็สอนนั่ง สอนเดินจงกรม แต่แล้วครูอาจารย์ก็แอบไปนอนซะแล้ว แล้วมันจะขลังไหม มันจะไม่ขลัง แต่จะเกิดความคลั่งในจิตใจ

คนเราแค่ตัวเองก็ยังเอาตัวเองยังไม่รอด แล้วจะไปช่วยเหลือคนอื่นได้อย่างไร กินก็ไม่พอปากพอท้อง แล้วไหนเลยจะไปมีผัวมีเมีย จะไปเลี้ยงลูกเลี้ยงเต้าได้อย่างไรแค่ตัวเองก็เอาไม่รอดแล้ว อย่าเพิ่งไปมีครอบครัวเมื่อยังไม่พร้อม คนประเภทนี้จะไปไม่รอดนะ กินไม่พอปากไม่พอ ท้อง แล้วยังจะไปเอาคนอื่นเขามาลำบากเป็นครอบเป็นครัวสร้างตัวก็ไม่ได้เช่นนี้

ท่านทั้งหลายที่มาเจริญกรรมฐาน ขอให้ท่านตั้งใจ ถ้าไม่ตั้งใจแล้ว ท่านจะสำนึกเสียใจภายหลังว่า เรานะเราเกิดมาทั้งทีเอาดีกับเขาบ้างไม่ได้เลยหรือ บางคนก็ช่วยตัวเองไม่ได้ บางบ้านก็เป็นเศรษฐีมั่งมีศรีสุข ก็ยังช่วยตัวเองไม่ได้มีมากหลายประการ คนประเภทนี้มักเป็นคนมักง่ายเห็นแก่ตัว เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตน คนประเภทนี้ถ้าได้เจริญกรรมฐาน ทำได้ จะกลับเป็นคนที่เสียสละ มีเมตตา รักตัวก่อน ในเมื่อสงสารรักตัวเองแล้ว ก็จะไปสงสารคนอื่น

คนที่รักตัวเองจริงจะไม่กลัวตาย รักตัวอย่ากลัวตายคนที่ไม่รักตัวกลัวตายนั้นเป็นคนไร้สาระแล้วก็จะได้ตายไวๆ คนที่รักตัวจริงแล้วทุกสิ่งเขาก็จะไม่ตาย อดทนตลอดไป จะทำอะไรก็มีขันติธรรม มีอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจก็สามารถอดทนได้ มีสติที่มั่นคงแล้วทุกสิ่ง ทำอะไรจะไม่ประมาทพลาดพลั้งไปได้เลย

เพราะฉะนั้น การเจริญกรรมฐานจึงมีประโยชน์สำหรับผู้ทำติดต่อกันไป และเวลาไม่สบายใจก็ควรจะเจริญกรรมฐาน ตั้งสติเอาไว้พิจารณาทุกข์ เราแก้ทุกข์ถึงเวลา ทุกข์แล้วก็เอาสุขมาอย่างไร ถึงเวลามีความทุกข์ความยาก ต้องรีบแก้ทันที อย่ารอรีแต่ประการใด ตั้งสติยึดมั่นได้ จะได้แก้ปัญหาที่ทุกข์ ทุกข์เรื่องครอบครัว ทุกข์เรื่องงาน ทุกข์เรื่องกิจการงานต่างๆ เรารีบแก้ตอนนั้นทันที อดทนสู้ด้วยสติสัมปชัญญะจากการเจริญสติปัฏฐาน ๔ เป็นการ ต่อสู้ที่ดีที่สุด ต่อสู้อย่างเข้มแข็ง กำลังกายก็เข้มแข็ง กำลัง จิตก็อดทน บริหารงานได้อย่างมีประโยชน์ต่อชีวิต’ ชีวิต ท่านก็จะแจ่มใส นั่นแหละจึงแก้ปัญหาได้ มิฉะนั้นท่านจะแก้ปัญหาไม่ได้ มานั่งจิ้มๆ จ้ำๆ แล้วจะให้ได้ญาณได้อย่างไร มา ๑๐ วัน ๗ วัน ได้ญาณ ๑๖ เดินไปถึงระยะ ๖ อธิบายญาณกันเป็นแถวไปหมด ได้อะไร แค่พองหนอยุบหนอก็ทำไม่ได้กันแล้ว ขวาย่าง ซ้ายย่าง ก็ยังไม่ได้จังหวะ ยืนหนอก็ไม่ได้ผล แล้วท่านจะได้ญาณตรงไหน

ขอให้ท่านผู้ปฏิบัติธรรมตั้งใจกำหนดตั้งสติทุกอิริยาบถ กำหนดจิตทุกลมหายใจเข้าออก อย่าหายใจทิ้งปล่อยอารมณ์ไปเปล่าๆ ไม่มีสติเสียไปเปล่าๆ เหมือนเปิดน้ำประปาทิ้งไม่มีประโยชน์ เราจะเดินไปทางไหนก็ต้องเดินอย่างมีสติจะพูดก็พูดแบบมีสติ จะทำการงานใดก็มีสติกำหนดไว้

คนเราถ้าโกรธง่ายจะแก่เกินวัย บางคนอายุแค่ ๔๐ เหมือนคนอายุ ๗๐ บางคนอายุ ๙๐ กลับเหมือนคนอายุแค่ ๖๐ นั่นแหละเพราะเขาไม่โกรธเขาไม่ลงโทษใคร เขาสร้างอารมณ์คือกรรมฐานตลอดรายการ เขาจึงไม่แก่เกินวัย ถ้าคนไหนโกรธบ่อยๆ โรคมันมักจะแทรกซ้อน มันจะตายไวนะ

ท่านยึดพระรัตนตรัยเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจท่านตลอดชีวิต ท่านจะทำอะไรก็จะไม่พลาด มีหลักฐาน จิตก็ชุ่มชื่นเบิกบานใจ ท่านจะต้องไม่สนใจกันคนที่แพ้อยู่ตลอดรายการ ไม่เอาไหน ไม่เอางานเอาการ วันๆ มัวแต่นั่งคิดแต่ไม่ทำ ไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว ท้อแท้ต่ออุปสรรคตลอด

คนเราไม่ควรปล่อยอารมณ์ตามใจตนตามใจตัว เอาดีไม่ได้แน่นอนที่สุด แม้จะเอาพระมาเทศน์ หรืออ่านหนังสือธรรมะสัก ๑๐๐ เล่ม ก็เอาดีไม่ได้ ปฏิบัติกรรมฐานทั้งทีก็มาทำจิ้มๆจ้ำๆ บวชชีพราหม์วัดนี้เสร็จ ไปบวชชีพราหมณ์วัดโน้นต่อ วัดโน้นดัง วัดนี้ดัง ดังไปทั่วประเทศเดี๋ยวฝึกพุทโธบ้าง เดี๋ยวสัมมาอะระหังบ้าง เดี๋ยวพองหนอ ยุบหนอบ้าง เลยไม่ได้หลักที่แน่นอน ไม่ได้เกณฑ์พิธีการเสียความเป็นมนุษย์ เป็นบุรุษโคมลอยเคว้งคว้าง อายุมากแล้วยังเอาดีไม่ได้ น่าเสียดาย ต้องอับอายขายหน้าเพื่อนใน สังคม เค้าได้ดีกันหมด แต่เรายังเอาดีไม่ได้ เรามีมือมีเท้าเหมือนเขา แต่ทำไมทำดีไม่ได้เท่าเขา

อาตมามาได้ธรรมะเมื่อตอนเลี้ยงเป็ด ขอฝากไว้ด้วยตอนเลี้ยงเป็ด ต้องไปหาหอยโข่ง จะมาทุบให้เป็ดกิน จับได้หอยโข่งตัวใหญ่ตัวหนึ่ง ก็เกิดนึกสนุกตามประสาเด็ก เลยเขียนชื่อ นามสกุล และวันที่เอาไว้ เสร็จแล้วก็เหวี่ยงลงน้ำไป หนองมันแห้ง เรียกว่าหนองวัดมะปราง ภายหลังต้องไล่เป็ดไปเลี้ยงเลยวัดศรีสาครไป อยู่หลังบ้านแม่ใหญ่ สมัย นั้นแม่ใหญ่ยังเป็นสาวอยู่ เราก็ไปเลี้ยงที่นั่น เรียกว่าหนองหม้อแกง ไปหาหอยโข่งมาให้เป็ดกิน โยมแม่ของอาตมาเลี้ยงเป็ดไว้เป็นพัน พอโรงเรียนปิดก็จะมาช่วยแม่เลี้ยง ทีนี้พอหาหอยโข่งไปหาหอยโข่งมาก็พอดีไปเจอหอยโข่งตัวเดิม มีชื่อเราที่เขียนติด เราเลยไปหาลุงทรัพย์ ลุงทรัพย์ไม่ใช่คนอื่นไกลก็คือคุณพ่อของแม่ใหญ่นั่นเอง ตอนนั้นลุงทรัพย์กำลังช่วยเขาสร้างโบสถ์ที่วัดศรีสาคร อาตมาก็ไปถามลุงทรัพย์ว่า “ลุงทรัพย์ครับหอยโข่งตัวนี้มาได้อย่างไรผมทิ้งมันไว้ที่วัดมะปราง หอยมันเดินมาที่นี่ได้อย่างไร” ลุงทรัพย์ก็ตอบอาตมาว่า “หลานเอ๋ยหอยมันเอาปากเดินมาเวลาหนองมันแห้งมันก็ขุดรูอยู่ใต้ดิน พอฝนตกเข้าแล้ว ดินมันอ่อนแล้ว มันก็เอาปากเดินตามน้ำ แล้วมันก็เอาปากเดินมาเรื่อยๆ มันรู้ด้วยว่าหนองอยู่ตรงไหน มันเดินมาตามน้ำ พอน้ำไหลไปที่ไหนมันมักเอาปากเดินไปได้ระยะถึง ๒ กิโล ถึงได้ถึงหนองน้ำบ้านแม่ใหญ่ได้”

พี่น้องที่รัก อาตมาได้ธรรมะเลยในตอนเป็นเด็กนั้น อพิโธ่ อนิจจัง อนิจจาเอ๋ย เรามีมือมีเท้าแท้ๆ ไม่รู้จักจะเดิน ขี้เกียจ แต่หอยมันไม่มีมือไม่มีเท้าแต่มันใช้ปากเดินได้ตั้งสองกิโล

ท่านทั้งหลายเอ๋ย ท่านจะคิดว่าท่านไม่ตายหรือ ถึงได้สร้างความชั่วกันนัก หากนึกถึงความตายจะมาถึงเมื่อไร ก็ไม่ทราบ รีบสร้างความดีตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เวลาเป็นใหญ่เท่ากันหมด เวลาจะมีค่ามากกว่ากันไม่มี

สุดท้ายนี้ขอให้ท่านบัณฑิตทั้งหลาย จงมีความเจริญ รุ่งเรืองต่อไป ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่านทั้งหลาย ขอทุก ท่านจงเจริญไปด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณธนสารสมบัติ นึกคิดสิ่งใดสมความมุ่งมาดปรารถนาทุกรูป ทุกนาม ณ โอกาสบัดนี้เทอญ.

๑๓ ก.ค. ๓๙