เบื้องหลังการอัญเชิญพระพุทธรูปศิลา
คืนสู่ประเทศไทย
โดย รองศาสตราจารย์ ดร. พรชุลี อาชวอำรุง
พวกเราคงจะคุ้นเคยกับข่าวใหญ่ข่าวหนึ่ง ซึ่งเป็นความพยายามของปวงชนชาวไทยในการที่จะนำมรดกแห่งชาติล้ำค่ามาทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสปีกาญจนาภิเษกสมโภช เป็นเรื่องสุดท้ายในปี ๒๕๓๙ นี้
มีใครสักกี่คนที่จะทราบข้อเท็จจริงในการที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ หรือพระราชสุทธิญาณมงคล มีส่วนร่วมในการอัญเชิญหลวงพ่อศิลา กลับคืนสู่บ้านเรา ท่ามกลางความมืดมน ดิฉันจะขออนุญาตเล่าสู่กันฟัง
ก่อนอื่น ดิฉันใคร่ขอที่จะให้รายละเอียดพื้นฐานเกี่ยว กับพระพุทธรูปศิลา เพื่อความเข้าใจของผู้อ่านก่อนว่าพระพุทธรูปศิลาเป็นพระพุทธรูปนาคปรก ปางสมาธิ ทรงกรองศอ พาหุรัด กุณฑล สวมมงกุฎทรงเทริด พระพักตร์ทรงสี่เหลี่ยม ประทับนั่งสมาธิราบอยู่บนฐานขนดนาคสามชั้น มีนาดเจ็ดเศียรปรกเหนือเศียรพระ ด้านหลังหางนาคพาดขึ้นมาถึงลำตัว มีลวดลายศิลปแบบลพบุรี ขนาดหน้าตักกว้าง๔๓ เซนติเมตร ความสูง ๘๖ เซนติเมตรพระพุทธรูปศิลาองค์นี้ชาวบ้านขนานนามท่านว่า “หลวง พ่อศิลา” เดิมประดิษฐานในถ้ำเจ้าราม อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย ต่อมาได้นำมาประดิษฐานที่วัดทุ่งเสลี่ยมเป็นเวลานาน ๔๘ ปี และเมื่อคืนวันที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๒๐ คนร้ายได้โจรกรรมหลวงพ่อไปจากวัด เจ้าอาวาส จึงได้แจ้งความในวันรุ่งขึ้น และเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการสอบสวนมาโดยตลอด เท่าที่ดิฉันได้ทราบข่าว ปรากฏว่ากลุ่มบุคคลซึ่งเป็นบุคคลที่อยู่ในราชการ มีอำนาจพอสมควรในจังหวัดสุโขทัยขณะนั้น เป็นผู้โจรกรรมไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัว และขณะนี้ ก็ได้ชดใช้กรรมตามกฎแห่งกรรมไปเรียบร้อยแล้ว หลายคนเป็นโรคร้ายต้องทนทุกข์ทรมานก่อนจะสิ้นชีวิต และบางคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ชดใช้กรรมอยู่ในคุกตะราง หมดยศ หมดศักดิ์ หมดสิ้นศักดิ์ศรีทุกสิ่งทุกอย่าง ในปัจจุบัน ซึ่งถ้าดิฉันกล่าวนามของบุคคลเหล่านั้น พวกเราก็คงจะคุ้นเคยและได้ยินชื่อมาเป็นอย่าง ดี นี่แหละภาคหนึ่งของกฎแห่งกรรม ซึ่งเป็นข้อเตือนสติมิให้เราทำผิดศีลธรรมจรรยา
ในปี ๒๕๓๘ นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ปีที่๑๖ ฉบับที่ ๖ ประจำเดือนเมษายน ๒๕๓๘ ได้ลงพิมพ์จดหมายของ ผู้ใช้นามว่า กลุ่มอนุรักษ์เล็ก ๆ ต่างแดน ลอนดอน พร้อมทั้งส่งภาพถ่ายพระพุทธรูปนาคปรก ซึ่งถ่ายจากหนังสือแคตาล็อกโบราณวัตถุที่จะเปิดประมูลของร้านโซธบี และให้ความเห็นว่า พระพุทธรูปนาคปรกองค์นี้ น่าจะเป็นองค์เดียวกันกับพระพุทธรูปศิลา ที่ถูกโจรกรรมจากวัดทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย โดยมีพ่อค้าของเก่ารายหนึ่งเป็นผู้ซื้อ และในที่สุดไปปรากฏที่ร้านโซธบีในลอนดอน
ราษฎรอำเภอทุ่งเสลี่ยมได้มีหนังสือร้องเรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย และกรมศิลปากร พร้อมจัดส่งหลักฐานต่าง ๆ เกี่ยวกับพระพุทธรูปศิลาดังกล่าว เพื่อตรวจสอบยืนยันว่า ภาพพระพุทธรูปที่ปรากฏอยู่ในหนังสือแคตาล็อกโบราณวัตถุของร้านโซธบี เป็นรูปถ่ายของพระพุทธรูปองค์เดียวกันที่หายไปจากวัดทุ่งเสลี่ยมหรือไม่ การตรวจสอบนี้ได้รับความร่วมมือจากกองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจ ซึ่งใช้เทคนิคการตรวจสอบที่เรียกว่าการถ่ายภาพเชิงซ้อน โดยอาศัยเครื่องคอมพิวเตอร์สแกนภาพของชาวบ้าน กับภาพจากแคตาล็อกในอังกฤษ และเปรียบเทียบกันว่าซ้อนกันสนิทเป็นองค์เดียว ทั้งยังมีตำหนิรูปพรรณสัณฐานของหลวงพ่อซึ่งตรงกันในหลายจุด
ณ จุดนี้นี่เอง ที่อาจารย์พิมพา ลิมปพยอม ซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดาลูกศิษย์ของหลวงพ่อจรัญของเราได้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ท่านอาจารย์พิมพาเป็นข้าราชการชั้น ผู้ใหญ่ ซึ่งได้ทำงานเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีหลายๆ คน ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติอย่างอเนกอนันต์ และในคราวนี้ ได้มาช่วยในการนำคืนพระพุทธรูปศิลา ในฐานะเป็นที่ปรึกษาของท่านอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร้อยตำรวจโทเชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ท่านอาจารย์พิมพา เคยทำงานในกระทรวงพาณิชย์และติดต่อกับต่างประเทศหลายครั้ง เพื่อ ช่วยในการส่งออกสินค้าไทย ในการณ์นั้น ท่านอาจารย์ได้รู้จัก ท่านเซอร์จอห์น แลง ซึ่งเป็นประธานหอการค้า อังกฤษโพ้นทะเล จึงได้ติดต่อผ่านความร่วมมือของท่านเซอร์ เพื่อหาเบาะแสเกี่ยวกับพระพุทธรูปศิลาในประเทศ อังกฤษ ในช่วงนั้น อาจารย์พิมพาเล่าว่า มีแต่ผู้สบประมาทและเยาะเย้ยว่า ทำในสิ่งซึ่งเป็นไปไม่ได้ ติดตามพระพุทธรูปซึ่งสัญหายไปร่วม ปี จากกระดาษแผ่นเดียว อาจารย์พิมพาจึงได้เดินทางมายังวัดอัมพวัน จังหวัด สิงห์บุรี มากราบเรียนขอให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อของเรา ช่วยกรุณาอาราธนานิมนต์พระพุทธรูปศิลาให้กลับคืนสู่ประเทศไทยด้วย
ณ ที่นี้เองที่พี่พิมพาได้แสงสว่างแห่งความหวัง และได้กำลังใจอย่างยิ่งยวด หลวงพ่อบอกพี่พิมพาว่า “สำเร็จ” คำว่า สำเร็จ คำแรก จุดประกายแห่งความหวังและเพิ่ม พูนพลังให้แก่พี่พิมพา ในการติดตามพระพุทธรูปศิลากลับ คืนสู่ปวงชนชาวไทย ทั้งนี้ พี่พิมพามีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะนำพระพุทธรูปองค์นี้ ทุลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในปีกาญจนาภิเษกสมโภชหลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า พระพุทธรูปทุกองค์มีเทพสถิตอยู่เพื่อปกปักรักษา คนเราก็เช่นกัน ถ้าบุคคลใดทำดีอยู่ในศีลธรรม สวดมนต์ภาวนา ก็ย่อมจะมีเทพอุปถัมภ์ มีเทพประจำตัวเช่นเดียวกัน หลวงพ่อจึงตั้งจิตอธิษฐานอาราธนานิมนต์สื่อไปยังเทพซึ่งรักษาพระพุทธรูปศิลา และขออาราธนานิมนต์กลับคืนสู่ประเทศไทย ท่านจึงได้บอกกับอาจารย์พิมพาว่า งานนี้สำเร็จ ทำไปเถิดจงอย่าได้ท้อถอย
เรื่องที่น่าแปลกอีกเรื่องหนึ่งก็คือ บุคคลซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในการนำคืนพระพุทธรูปศิลานั้น หลาย ๆ คนเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อของเรา นอกจาก อาจารย์พิมพาแล้วยังมีท่านอดีตรัฐมนตรี ร้อยตำรวจโท เชาวริน ลัทธ-ศักดิ์ศิริ หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล ท่านกงสุลใหญ่ประจำนครลอสแอนเจลีส นายสุพจน์ ธีรเกาศัลย์ และภรรยานางสุกัญญา ธีรเกาศัลย์ บุคคลเหล่านี้ ถือว่าเป็นลูกศิษย์ผู้เคารพศรัทธาในพระราชสุทธิญาณมงคล หลวงพ่อของเรา ทั้งสิ้น
ในขณะนั้น ร้อยตำรวจโท เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ รับ ผิดชอบกรมศิลปากร และ กรมการศาสนา จึงได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและพิจารณาหาแนวทาง ติดตามทวงคืนพระพุทธรูปศิลาขึ้นมาคณะหนึ่ง โดยอาจารย์พิมพา เป็นหัวแรงใหญ่ได้ดำเนินการผ่านเรื่องโดยผ่านกระทรวงการต่างประเทศไปยังรัฐบาลสหราชอาณาจักร เพื่อขอความช่วยเหลือสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับผู้ซื้อและพระพุทธรูปศิลาที่ถูกประมูลไป ต่อมารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้นำคณะไปเยื่อนสหราชอาณาจักร และได้รับทราบจากสก๊อตแลนด์ยาร์ด และเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรมของสหราชอาณาจักรว่า ผู้ประมูลพระพุทธรูปศิลองค์นี้ ได้แต่งตั้งทนายความซึ่งอยู่ในลอสแอนเจลีสเป็นผู้ทำหน้าที่เป็นตัวแทน ควรจะติดต่อขอความร่วมมือจากทางการของสหรัฐในการที่จะเสาะหาเบาะแสเกี่ยวกับเรื่องนี้ ด้วยเหตุนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จึงได้สั่งให้คณะกรรมการชุดหนึ่งเดินทางมาขอความร่วมมือจากทางการสหรัฐ ในชุดนี้ดิฉันได้มีส่วนร่วมในการเดินทางมาเจรจาติดต่อประสานงานด้วย ทั้งนี้ เป็นด้วยเหตุผลที่ว่า เมื่อดิฉันเรียนปริญญาเอกอยู่ในสหรัฐอเมริกานั้นได้เรียนวิชาโททางกฎหมายระหว่างประเทศ และมีความคุ้นเคยกับวัฒนธรรมตลอดจนการใช้ภาษาเป็นอย่างดี เพราะเรียนจบปริญญาตรี โท เอก ในสหรัฐอเมริกาทั้งสิ้น ในช่วงนั้น ท่านเชาวริน ไม่สามารถเดินทางไปกับคณะได้ เพราะจำเป็นต้องลงเลือกตั้งใหม่หลังการยุบสภา คณะที่เราไปจึงเป็นคณะเล็ก ๆ ประกอบด้วยบุคคลเพียง ๔ คน คือ อาจารย์พิมพา ดิฉัน และเจ้าหน้าที่นิติกร กับที่ปรึกษาของกรมศิลปากร อีก ๒ ท่าน
โชคดีที่เราได้รับความร่วมมืออย่างดีจากทั้งทางการในสหราชอาณาจักร เพราะสมเด็จพระบรมราชินีอลิซาเบธกำลังจะเดินทางมาเยือนประเทศไทย เป็นราชอาคันตุกะและในสหรัฐอเมริกานั้น ประธานาธิบดีคลินตันและภรรยา ก็กำลังจะเดินทางมาเป็นราชอาคันตุกะเช่นเดียวกัน ทั้งสองประเทศมีความห่วงกังวลว่า กรณีพระพุทธรูปศิลาถูกโจรกรรม และมีปรากฏว่า เข้าไปอยู่ในประเทศทั้งสอง จะเป็นเหตุให้มีการเดินขบวนหรือการร้องเรียนเกิดขึ้น จึงถือ ว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณและพระราชบารมีของพระบาท-สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราโดยแท้ ที่ดลบันดาลให้พระ พุทธรูปศิลาได้กลับคืนสู่ประเทศในครั้งนี้ นอกจากนั้นเป็นความบังเอิญที่ดิฉันไปพบกับลูกศิษย์ คือคุณสุภาศิริ ซึ่งเป็นภรรยาของอุปทูตไทยแห่งสหรัฐอเมริกา ณ กรุงวอชิงตัน คือ คุณอรรคสิทธิ์ อมาตยกุล ซึ่งขณะนั้นทำหน้าที่แทนท่านเอกอัครราชทูตผู้ไปราชการนอกประเทศสหรัฐอเมริกา จึงได้รับความร่วมมือและให้การต้อนรับอย่างดียิ่ง
พี่พิมพาและดิฉันมีความกังวลอย่างสูง สวดถึงหลวง พ่อจรัญอยู่ตลอดเวลา ขอบารมีท่าน เพราะได้รับอุปสรรค ทั้งจากภายในคณะที่เดินทางไปด้วย และอุปสรรคจากกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องหลาย ๆ ด้าน จนแทบจะเกิดความท้อถอย แต่ก็ยังได้ขวัญและกำลังใจจากบารมีของหลวงพ่อของเราอยู่ จะขอเล่าให้ฟัง
การที่คณะของเราเดินทางไปสหรัฐอเมริกานั้น เป็นไปตามคำแนะนำจากสถานทูตไทยในสหรัฐ ให้ทำหนังสือ ร้องเรียนเป็นทางการไปปื่นต่อรัฐบาลสหรัฐอเมริกา โดยอาศัยสนธิสัญญาระหว่างประเทศซึ่งลงนามร่วมกันแล้วเกี่ยวกับความร่วมมือทางอาญา โดยที่หัวหน้าคณะ คือ ศาสตราจารย์ ดร. อดุล วิเชียรเจริญ ซึ่งเป็นที่ปรึกษากรมศิลปากรนั้น มิได้ประสานกับเรามาก่อน เพราะได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าคณะเฉพาะกิจ แทนอธิบดีกรม ศิลปากร ซึ่งได้รับการมอบหมายจาก ท่านเชาวริน หัวหน้าคณะที่แท้จริง อีกทีหนึ่ง โดยหัวหน้าคณะเฉพาะกิจท่านนี้ได้เดินทางมาพบกับคณะของเราในสหรัฐอเมริกาจากประเทศฝรั่งเศส ท่านมีความเชื่อว่า เรื่องนี้มิใช่เรื่องอาญาและไม่เกี่ยว หนังสือฉบับนี้ใช้ไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ท่านอดีตนายกรัฐมนตรี บรรหาร ศิลปอาชา ได้ลงนามมาเรียบร้อยแล้ว ดิฉันและพี่พิมพากังวลเป็นอย่างมากเพราะเราทำตามคำแนะนำและเชื่อว่าสนธิสัญญานี้ใช้ได้ อย่างไร ก็ตาม เราก็ได้ขอร้องให้ท่านได้โปรดยื่นหนังสือไปตามความตั้งใจเดิม และขอความร่วมมือจากสหรัฐ ไปตามความตั้งใจของการเดินทางมาครั้งนี้
ที่วอชิงตันนั้น เราได้ไปพบกับหน่วยงาน เอฟ บี ไอ ซึ่งบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับอาญาและช่วยเหลืออะไรไม่ได้ ตามการชี้นำของที่ปรึกษากรมศิลปากรผู้เป็นหัวหน้าคณะเฉพาะกิจ และยังคัดค้าน ไม่ต้องการให้เราไปพบกับเจ้าหน้าที่ เอฟ บี ไอ ในลอสแอนเจลีส ทั้ง ๆ ที่เราได้นัดหมายไว้แล้ว พี่พิมพาและดิฉันสวดมนต์ถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งหลวงพ่อของเราทุกคืน ขอบารมีให้ทำงานนี้สำเร็จ ท่ามกลางอุปสรรคต่าง ๆ เราสองคนสวดบทพาหุงมหากาและอิติบิโส ตามที่หลวงพ่อสอนทุกวัน ในที่สุด พี่พิมพาได้นำเรือมดจำลอง ซึ่งเป็นเรือที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงออกแบบสร้างด้วยพระองค์เอง และทรงได้รับเหรียญทองจากการแข่งขันเรือใบในกีฬาซีเกมส์ และได้ขอพระบรมราชานุญาตจัดสร้างขึ้น เพื่อเป็นที่ระลึกแก่บรรดาพสกนิกรในปีกาญจนาภิเษก โดยนำเงินรายได้ทั้งหมดทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ต้นแบบของเรือมดนี้พี่พิมพาก็ได้นำมาให้หลวงพ่อของเราเจิม ก่อนที่จะนำไปผลิตและก็ประสบผลสำเร็จอย่างดีเช่นกัน
ความหวังของเราปรากฏ เมื่อพี่พิมพานำเรือมดจำลองลำหนึ่ง ไปมอบให้กับ นายเบอเมิน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาทางกฎหมายของกระทรวงการต่างประเทศนายเบอเมินผู้นี้คุ้นเคยกับประเทศไทย และเป็นบุคคลซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา ด้วยบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น นายเบอเมินทำให้ความหวังของเราให้เรืองรองขึ้นมาใหม่ เพราะนายเบอเมินเห็นด้วย กับเรา และขอให้เราได้ไปพบกับ นางเวอจิเนียร์ เคอรี่ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ เอฟ บี ไอ เกี่ยวข้องกับเรื่องของศิลปวัตถุในนครลอสแอนเจลีส โดยติดต่อไปยัง นางเวอจิเนีย โดยตรง ณ นครลอสแอนเจลีสนี้ เราได้พบกับท่านกงสุลใหญ่และภรรยา คือ นายสุพจน์ นางสุกัญญา ธีรเกาศัลย์ และทราบว่า ทั้งสองท่านก็เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อจรัญของเราเช่นเดียวกัน ทั้งๆ ที่ยังไม่เคยกราบนมัสการหลวงพ่อด้วยตนเองเลย แต่ก็ภาวนาถึงท่านในห้องพระอยู่เป็นประจำวัน
ณ ทำเนียบ นครลอสแอนเจลีสนี้ คณะของเราประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด เพราะเราได้ขอร้องให้หัวหน้าคณะเฉพาะกิจ ไม่ต้องพูดว่าไม่แน่ใจว่าพระพุทธรูปอยู่ที่ไหน ไม่ต้องพูดว่าไม่สามารถที่จะร่วมมือกันได้ เพราะไม่มีสนธิสัญญารับรองและใด ๆ ทั้งสิ้น เราได้ขอให้เขาช่วยเราอย่างไม่เป็นทางการ โดยการช่วยหาเบาะแสว่าใครเป็น ผู้ครอบครองพระพุทธรูปองค์นี้อยู่ เพื่อเจรจาหาหนทางนำ คืนพระพุทธรูปสู่ประเทศไทย ซึ่งเราก็ประสบความสำเร็จเพราะว่าทาง นางเวอจิเนียร์ และคณะ ได้รับปากรับคำว่าจะประสานงานติดต่อผ่านท่านกงสุลใหญ่ คณะของเราจึงได้เดินทางกลับสู่ประเทศไทย ด้วยความหวังและรอคอยการดำเนินการต่อไป
ต่อมา เราได้รับแจ้งจากท่านกงสุลใหญ่ว่า นายมอริสแคทส์ ซึ่งเป็นทนายความของผู้ครอบครองพระพุทธรูป ศิลาในขณะนั้น ต้องการจะคืนพระพุทธรูปคิลา โดยขอเงินสองจำนวน จำนวนแรกหนึ่งพันเหรียญสหรัฐ เพื่อขนย้ายพระพุทธรูปมาให้คณะกรรมการตรวจสอบ ณ สถานที่ใกล้เคียงกับสถานกงสุลใหญ่ในนครลอสแอนเจลีส และจำนวน ที่สอง เป็นเงินค่าชดเชยในการนำคืนพระพุทธรูปกลับคืนเป็นจำนวนเงินสองแสนเหรียญสหรัฐอเมริกา คือประมาณ ๕ ล้านบาท ในขณะนั้น คณะกรรมการฯ ซึ่งดิฉัน และอาจารย์พิมพาเป็นกรรมการร่วมอยู่ด้วยได้พิจารณา และผู้คัดค้านคนเดิมในการปฏิบัติงานในสหรัฐก็แสดงข้อคิดเห็น ขัดแย้งเช่นเดียวกับที่ขัดแย้งมาตลอดในเรื่องนี้ว่าไม่เห็นสมควรจะจ่ายเงิน ไม่เห็นสมควรที่จะเป็นต้นแบบ มิฉะนั้นจะต้องจ่ายเงินตลอดไป ในการนำคืนพระนารายณ์บรรทม-สินธุ์ไม่ต้องจ่ายเงินเลยสักบาท ซึ่งข้อเท็จจริงมิใช่เช่นนั้น คือ นารายณ์บรรทมสินธุ์ เราไม่จ่ายเงินก็จริง แต่ก็เสมือนหนึ่งจ่ายเงิน เพราะมีผู้มีจิตศรัทธานำโบราณวัตถุไทยซึ่งมีคุณค่าใกล้เคียงกับนารายณ์บรรทมสินธุ์ ไปแลกคืนจาก พิพิธภัณฑ์ในอเมริกา เราจึงได้ทับหลังนารายณ์บรรทม-สินธุ์กลับคืน ในขณะนั้น ร้อยตำรวจโท เชาวริน ไม่ได้เป็น ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และก็ไม่ได้เป็นทั้งรัฐมนตรีฯเราจึงพากันเดินทางมาเป็นการส่วนตัว ในฐานะประชาชนเต็มขั้น ที่จะสานต่อความตั้งใจเดิมในอันที่จะนำพระพุทธ รูปศิลากลับคืนสู่ประเทศไทย และทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในครั้งนี้ คณะของเราได้รับการสนับสนุนทางการเงิน จาก คุณธนินท์ เจียรว-นนท์ ประธานกรรมการบริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ และขอกราบขอบพระคุณท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วย ในขณะนั้น เรามิได้แจ้งให้แก่สาธารณชนทราบว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์เป็น ผู้สนับสนุน ด้วยเกรงว่า หากเราทำงานไม่สำเร็จจะทำให้ชื่อเสียงของทางเครือเจริญโภคภัณฑ์เสื่อมเสียไปด้วย เรา จึงมิได้ออกข่าวในขณะนั้น โดยคณะของเราติดต่อสื่อสาร ผ่านคุณพรศรี หลูไพบูลย์ ประชาสัมพันธ์ของซีพี ผู้มีประสิทธิภาพสูง และมุ่งมั่นกับงานจนสำเร็จลุล่วงด้วยดี
การทำงานครั้งนี้ของเรา ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากท่านกงสุลใหญ่ และเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภรรยา คือ คุณสุกัญญา เพราะในชั้นแรกนั้น เราต้องออกค่าใช้จ่ายเองก่อน ยังไม่ได้เบิกเงินสนับสนุน เพราะยังทำงานไม่สำเร็จ ท่านกงสุลใหญ่กรุณานำพวกเราไปพักที่ทำเนียบของท่าน ณ ที่นั้น เราร่วมกันสวดมนต์หมู่แทบ ทุกเช้า-เย็น อาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ รวมทั้งหลวงพ่อจรัญ ขอให้ช่วยดลบันดาลให้เราทำงานชิ้นนี้สำเร็จด้วยดีและเราก็ทำงานสำเร็จจริง ๆ
คณะกรรมการของกรมศิลปากร ได้มีมติให้ ที่ปรึกษาของกรมศิลปากร (ผู้คัดค้านการปฏิบัติงานเพื่อ-บรรลุเป้าหมายโดยไม่ต้องเป็นคดีความในศาล ตามความเห็นของดิฉัน) เดินทางไปลอสแอนเจลีสแต่เพียงผู้เดียวเพื่อขอพบกับทนายความของผู้ครอบครอง คือ นายมอร์ริส แคทส์ และที่ปรึกษาท่านนี้ก็เชื่อมั่นว่า จะสามารถเจรจาให้นายแคทส์ยอมได้ทุก ๆ อย่าง หรือมิฉะนั้นก็ยืน ยันว่าจะไปขึ้นศาล และจะดำเนินคดีเพื่อนำคืนพระพุทธรูปศิลา และจะชนะคดี ซึ่งพวกเราก็มองไม่เห็นหนทางเราถามกันว่าจะไปฟ้องใคร ในเมื่อเราไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ครอบครองพระพุทธรูป เรารู้จักแต่เฉพาะทนายความ และในประวัติศาสตร์แห่งความขมขื่น เราก็ยังจำได้ว่า ในการนำเรื่องกรณีพิพาทระหว่างประเทศขึ้นศาลนั้น เราได้สูญเสียเขาพระวิหารอย่างไร นอกจากนั้น ถ้ามีการนำขึ้นโรง ขึ้นศาล พระพุทธรูปศิลาอาจจะสูญหายลงใต้ดินไปอีก และชาวไทยอาจจะมิได้พานพบองค์ท่านอีกเลยก็ได้ คณะของเราจึงดำเนินการไปอย่างที่คิดว่าสมควร คือ พยายาม ติดต่อทนายความ และยินดีให้ค่าชดเชย อย่างไรก็ดี ทนายความนั้นไม่ยินดีจะคืนพระพุทธรูปศิลาสักเท่าไร พระพุทธ รูปองค์นี้มีคุณค่าสูงกว่าเงินสองแสนดอลล่าร์ถึงสองหรือสามเท่า ในวงการค้าของเก่านั้น ยิ่งมีการทวงคืน วัตถุชิ้นนั้นย่อมจะมีคุณค่าสูงยิ่งขึ้นไปอย่างอเนกอนันต์ อย่างที่เรียกว่า “หอม” นั่นแหละ ดังนั้น นายแคทส์จึงปฏิเสธ ไม่ต้องการพบใครทั้งสิ้น ที่ปรึกษาท่านนั้นไม่สามารถนัดพบได้ ทางสถานกงสุลก็ไม่สามารถนัดพบได้ เพราะเขายืนยัน ว่าแจ้งไปแล้วทุกอย่าง ไม่มีความจำเป็นจะต้องพบใครและทางประเทศไทยก็ไม่ได้ทำตามเงื่อนไข คือ มิได้ส่งเงิน ๑,๐๐๐ ดอลล่าร์ ค่าขนย้ายมาให้เขาภายในวันที่ ๕ ธันวาคม เพื่อที่จะมาพิจารณาพิสูจน์พระพุทธรูปในวัน ที่ ๙ เขาบอกว่า หมดเวลาแล้ว ไม่มีอะไรจะต้องพูดกัน คณะของเราเดินทางถึงสหรัฐอเมริกา ประมาณเที่ยงของ วันที่ ๙ ธันวาคม ซึ่งนายแคทส์ว่า ล่วงเลยกำหนดที่นัดหมายและเขาไม่ได้นำพระพุทธรูปศิลามาเพื่อการพิสูจน์ เพราะเราไม่ได้จ่ายเงิน ๑,๐๐๐ ดอลล่าร์เป็นค่าขนย้าย ดิฉันจึงขอพูดกับนายแคทส์เอง ก่อนหน้าที่จะได้พูดกับนายแคทส์ ดิฉันได้อาราธนาหลวงพ่อจรัญ ขอได้โปรดดล บันดาลให้นายแคทส์ยอมเจรจาและยอมพบ โชคดี นายแคทส์รับโทรศัพท์เอง ทั้ง ๆ ที่วันนั้นเป็นวันหยุด และเขาไม่น่าจะอยู่ในสำนักงาน ดิฉันเข้าใจคนอเมริกันดี จึงพูดให้ตรงประเด็น และพูดในสิ่งซึ่งมีความสำคัญต่อเขา โดยปกติ
นั้น พวกเราคนไทยมักจะพูดในแง่มุมของตัวเอง อย่างเช่น พูดว่า ปีนี้เป็นปีกาญจนาภิเษกสมโภช เรามีความประสงค์จะนำคืนพระพุทธรูปศิลาเพื่อไปถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราเคารพนับถือพระพุทธรูปองค์นี้สูงมาก เป็น
วัตถุโบราณด้วย และเป็นสิ่งที่เรากราบไหว้เคารพบูชา เป็นสรณะของคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางภาคเหนือใน จังหวัดสุโขทัย สิ่งเหล่านี้คนอเมริกันเขาไม่สนใจ เขาไม่แคร์หรอก ดิฉันจึงพูดในสิ่งที่เขาสนใจ และจำเป็นสำหรับเขา ดิฉันสวมวิญญาณนักเลง และขู่เล็ก ๆ ว่า คุณแคทส์ดีฉันขอแสดงความยินดีว่าคุณเป็นทนายความที่มีชื่อเสียง มีผลงานที่น่าชื่นชมมาก เพราะคุณสามารถที่จะปกป้องลูกความของคุณได้อย่างดี จนบัดนี้ เรายังไม่ทราบเลยว่าใครเป็นลูกความ ใครเป็นผู้ครอบครองพระพุทธรูปศิลา คุณทราบไหม พวกเรารู้ว่าคุณคือใคร คุณทราบไหม พวกเรารู้เพราะเราไม่ได้จ่ายเงิน๑,๐๐๐ ดอลล่าร์เป็นค่าขนย้าย ดิฉันจึงขอพูดกับนายแคทส์เอง ก่อนหน้าที่จะได้พูดกับนายแคทส์ ดิฉันได้อาราธนาหลวงพ่อจรัญ ขอได้โปรดดล บันดาลให้นายแคทส์ยอมเจรจาและยอมพบ โชคดี นายแคทส์รับโทรศัพท์เอง ทั้ง ๆ ที่วันนั้นเป็นวันหยุด และเขาไม่น่าจะอยู่ในสำนักงาน ดิฉันเข้าใจคนอเมริกันดี จึงพูดให้ตรงประเด็น และพูดในสิ่งซึ่งมีความสำคัญต่อเขา โดยปกตินั้น พวกเราคนไทยมักจะพูดในแง่มุมของตัวเอง อย่างเช่น พูดว่า ปีนี้เป็นปีกาญจนาภิเษกสมโภช เรามีความประสงค์จะนำคืนพระพุทธรูปศิลาเพื่อไปถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราเคารพนับถือพระพุทธรูปองค์นี้สูงมาก เป็นวัตถุโบราณด้วย และเป็นสิ่งที่เรากราบไหว้เคารพบูชา เป็นสรณะของคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางภาคเหนือใน จังหวัดสุโขทัย สิ่งเหล่านี้คนอเมริกันเขาไม่สนใจ เขาไม่แคร์หรอก ดิฉันจึงพูดในสิ่งที่เขาสนใจ และจำเป็นสำหรับเขา ดิฉันสวมวิญญาณนักเลง และขู่เล็ก ๆ ว่า คุณแคทส์ดีฉันขอแสดงความยินดีว่าคุณเป็นทนายความที่มีชื่อเสียง มีผลงานที่น่าชื่นชมมาก เพราะคุณสามารถที่จะปกป้องลูกความของคุณได้อย่างดี จนบัดนี้ เรายังไม่ทราบเลยว่าใครเป็นลูกความ ใครเป็นผู้ครอบครองพระพุทธรูปศิลา คุณทราบไหม พวกเรารู้ว่าคุณคือใคร คุณทราบไหม พวกเรารู้ว่าคุณอยู่ที่ไหน พระพุทธรูปองค์นี้ มิใช่เป็นเพียงศิลปวัตถุชิ้นหนึ่ง แต่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยเคารพบูชา คุณรู้จักมวลชนไหม ดิฉันไม่สามารถที่จะควบคุมมวลชนได้ ถ้าหากว่าลุกฮือขึ้นมา เฉพาะในลอสแอนเจลีสนี้มีคนไทยอยู่ไม่ต่ำกว่า ๑๐๐,๐๐๐ คน นั่นยังไม่นับถึงคนเขมร คนลาวอีกจำนวนมหาศาล ซึ่งเป็นพุทธศาสนิกชนเช่นกัน คุณทราบไหมว่า คุณควรจะขอบคุณคณะของเราซึ่งมาที่นี่เพื่อที่จะนำเอาเผือกร้อนไปจากมือของคุณอย่างสง่าเพราะคุณตกอยู่ในอันตราย ถ้าหากว่าคนไทยลุกฮือขึ้นมาในกรณีเดียวกันกับที่เคยปรากฏแล้วในอดีตเกี่ยวกับนารายณ์บรรทมสินธุ์ คุณจะลำบาก นายแคทส์ฟังดิฉันพูดแล้วคงจะตกใจ จึงนัดให้คณะของเราไปพบ ในเวลา ๑๓.๓๐ น. ดิฉันพูดกับเขาทางโทรศัพท์ เวลา ๑๑.๓๐ น. หลังจากนั้น เรื่องราวก็ได้ดำเนินไป โดยที่ยังมีปัญหาอีกหลายประการ เช่น นายแคทส์เรียกร้องให้จ่ายเงิน ๑,๐๐๐ ดอลล่าร์ ในวันรุ่งขึ้น และหลังจากนั้นได้ ๑ วัน จะต้องนำเงินสองแสนดอลล่าร์เข้าบัญชี ซึ่งทางเราก็ไม่ยินยอมเพราะเราบอกว่าจะต้องเห็นพระพุทธรูปก่อน เราจึงจะจ่ายเงินให้ นายแคทส์ก็บอกว่า จะไม่ขอรับดร๊าฟของธนาคารไทย จะต้องขอรับดร๊าฟของธนาคารอเมริกัน เราก็พบ อุปสรรคในการที่จะโอนเงิน เพราะขณะนั้น คุณธนินท์เจียรวนนท์ และ คุณวัลลภ เจียรวนนท์ เดินทางอยู่ต่างประเทศและต่างจังหวัด ทางคุณพรศรี หลูไพบูลย์ ซึ่งกรุณาติดต่อเป็นหัวแรงใหญ่ ในการประสานงานกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ จึงได้แจ้งให้เราทราบทางโทรสารว่า ยังไม่สามารถที่จะติดต่อได้ ทางท่านอดีตรัฐมนตรีเชาวริน และ คุณจริยา ภรรยาของท่าน ด้วยความช่วยเหลือของคุณกนกเทพ อัมพผลิน ที่ปรึกษาอีกคนหนึ่งของท่านเชาวริน จึงทำการกู้เงินธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสภากาชาดไทยทางอากาศผ่านเครื่องโทรสาร ในวงเงินซึ่งท่านทั้งสองขอไว้เพื่อสร้างบ้านและยังไม่ได้นำไปใช้ ทั้งนี้ทั้งนั้น อุปสรรค มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเวลา ซึ่งกรุงเทพฯ และอเมริกาต่างกัน คือ กลางวัน กลางคืน เราอดหลับอดนอน กันทั้งสองฝ่าย และเราก็ขอขอบคุณหลายๆฝ่ายที่ช่วยให้เรื่องนี้สำเร็จ รวมทั้งผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสภากาชาดด้วย

จากซ้าย อาจารย์พิมพา ลิมปพยอม รศ.ดร. พรชุลี อาชวอำรุง ที่วัดไทย ลอสแองเจลีส

ร้อยตำรวจโท เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ และภรรยา (คุณจริยา) กับคณะ มอบของที่ระลึกแก่หัวหน้าเอฟบีไอ ประจำลอสแอนเจลีส ในโอกาสที่ไปขอบคุณในความช่วยเหลือของหน่วยงานแห่งนี้

เมื่อขบวนอัญเชิญหลวงพ่อศิลาถึงจังหวัดสิงห์บุรี
ในที่สุด งานของเราก็ประสบความสำเร็จด้วยดี และได้นำพระพุทธรูปศิลากลับคืนสู่ประเทศไทยในวันที่ ๑๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๓๙ โดยความอนุเคราะห์ของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้สักการะบูชาสืบไป
ในค่ำวันที่๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๐ หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานหลวงพ่อศิลา เพื่อนำกลับสู่วัดทุ่งเสลี่ยม คณะกรรมการจะจัดให้มีพิธีเจริญชัยมงคลคาถาและวันที่ ๑๖ จะมีพิธีฉลองสมโภช ณ อาคารเจริญโภคภัณฑ์ จากนั้น คณะกรรมการโครงการสมโภชหลวง พ่อศิลามรดกชาติคืนไทยในปีกาญจนาภิเษก โดยนาย วัลลภ เจียรวนนท์ กรรมการบริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ร้อยตำรวจโทเชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ และคณะ จะจัดให้มีงานสมโภชหลวงพ่อศิลา ในจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งเป็นทาง ผ่าน๙ จังหวัด คือ จังหวัดปทุมธานี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดอ่างทอง จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดชัยนาท จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดสุโขทัย นอกจากจะจัดสมโภชใหญ่แล้ว แต่ละ จังหวัดที่ผ่านไปทางเครือเจริญโภคภัณฑ์จะนำนิทรรศการประวัติและเหตุการณ์การติดตามหลวงพ่อศิลาไปแสดงให้ประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ ได้ชมด้วย
ในฐานะที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อจรัญ เป็นที่น่าประหลาดใจมากว่า หลวงพ่อของเราได้ทำคุณประโยชน์หลายอย่างโดยอยู่เบื้องหลัง และไม่ต้องการที่จะเผยแพร่ผลงานของท่านด้วยประการใด ๆ ทั้งสิ้น ในเรื่องนำคืนพระ พุทธรูปศิลานี้ หลวงพ่อคงจะมีญาณพิเศษบางอย่าง ที่กระตุ้นเตือนให้บรรดาลูกศิษย์ ทั้งที่อยู่ในนครลอสแอนเจลีส และ บารมีของหลวงพ่อซึ่งสามารถติดต่อกับเทพผู้พิทักษ์พระพุทธรูปศิลาให้สามารถมาร่วมแรงร่วมใจดำเนินงานฝ่าฟันอุปสรรค จนสามารถนำคืนพระพุทธรูปศิลามาได้ ดิฉันเองมีความภูมิใจอย่างสูงสุดที่มีโอกาสได้เป็นลูก ศิษย์ของหลวงพ่อ และรู้สึกในความกรุณาเมตตาของท่านอย่างหาที่สุดมิได้ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว ครอบครัวลูก ๆ งานธุรกิจ งานราชการใด ๆ ก็ตาม หลวงพ่อได้ช่วยแผ่เมตตา ให้คำปรึกษา ในการดำเนินชีวิต เกื้อหนุน ทุก ๆ ทาง เป็นที่พึ่งสำคัญ ดุจบิดาบังเกิดเกล้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้ช่วยชีวิตดิฉันไว้ถึง ๓ ครั้ง บุญคุณของหลวง พ่อนั้น ดิฉันไม่สามารถจะกล่าวได้หมด ตายแล้วและเกิดใหม่ก็คงจะไม่สามารถทดแทนได้หมด และไม่มีคำใดจะสามารถพรรณาถึงความเมตตาปรานีที่หลวงพ่อมีให้แก่ลูก ศิษย์ได้ ท่านเคยช่วยชีวิตดิฉันไว้ครั้งสำคัญถึง ๓ ครั้งด้วย กัน ครั้งแรกนั้น เมื่อดิฉันต้องทำการผ่าตัดที่โรงพยาบาล จุฬาฯ ท่านได้เมตตามาสอนกรรมฐานให้หายจากการทรมานโดยกายทิพย์ ครั้งที่สอง เมื่อเดินทางไปกับคณะของกรมการศาสนา เพื่อศึกษาดูงานตรวจวัดไทยในประเทศยุโรป เกิดเหตุการณ์ที่แอร์ในเครื่องบินรั่ว หลวง พ่อได้แสดงปาฏิหาริย์โดยการบริกรรมและกำหนดเวลาว่าจะให้น้ำที่หยดอยู่นั้นหยุด ขณะนั้นแอร์รั่วลงมาบนศีรษะ ดิฉันพอดี ท่านได้บอกกับ ตรีรัตน์ ลูกศิษย์ผู้ติดตามรับใช้ซึ่งนั่งอยู่กับท่าน ว่า ให้จับเวลา อีก ๕ นาที จะให้น้ำมาหยดที่ทางเดิน พ้นจากศีรษะของอาจารย์พรชุลี และถ้า อีก๒๐ นาที น้ำไม่หยุดก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว คงจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพราะว่าเครื่องบินคงจะระเบิด ใน ๕ นาที น้ำได้ย้ายไปหยดอยู่ที่ทางเดิน พันศีรษะดิฉัน และใน ๒๐ นาที น้ำก็หยุด และทุกคนก็ปลอดภัย ครั้งสำคัญในชีวิตครั้งที่สาม ก็คือ เมื่อดิฉันได้ถูกปองร้ายโดยความเข้าใจผิด และหลวงพ่อทราบล่วงหน้า ได้แนะนำให้ดิฉันมาอยู่ในวัดเป็นเวลา๗ วัน จนกว่าจะหมดเคราะห์ ขณะนั้น ดิฉันไม่ทราบว่าดิฉันมีเคราะห์ขนาดไหน แต่หลังจากเหตุการณ์ได้ผ่านพ้นไปแล้วหลวงพ่อบอกว่าครั้งนั้นมองไม่เห็นศีรษะดิฉันแล้ว ดิฉันเชื่อหลวงพ่อและได้เข้ามาอยู่ในวัด และผ่านพันวิกฤตการณ์นั้นไปได้อย่างดี ถ้าดิฉันไม่เชื่อ ยังอาศัยอยู่ที่บ้านพักที่สระบุรี คงจะต้องถูกทำร้ายถึงแก่ชีวิตไปแล้วแน่นอน
งานติดตามทวงคืนพระพุทธรูปศิลานี้ ดิฉันและพี่พิมพาได้รับพลังใจและบารมีสนับสนุนจาก หลวงพ่อของเรา และเป็นงานที่ดิฉันรู้สึกภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต ทั้งนี้ด้วยสิ่งยึดมั่นของชาวไทยสำคัญสูงสุด ๓ ประการ คือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ประมวลอยู่ในงานนี้ทั้ง สิ้น พระพุทธรูปศิลาเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง และเป็นมรดกตกทอดถึงชาติไทย มีอายุไม่ต่ำกว่า ๗๐๐ ปี นั่นคือ เรื่องของมรดกแห่งชาติ คณะผู้ติดตามทวงคืนพระพุทธรูปศิลา ซึ่งท่านอดีตรัฐมนตรี ร้อยตำรวจโท เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ หัวหน้าคณะนั้น มีความ ตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะนำคืนพระพุทธรูปศิลามาทูลเกล้า ทูลกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ ผู้ยิ่งใหญ่ ปกปักรักษาพสกนิกร ประกอบพระราชภารกิจเพื่อประเทศชาติ ด้วยพละกำลังและความเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้ พระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมทำให้คณะของเราสามารถนำคืนพระพุทธรูปศิลามาทูลเกล้าถวายในนามประชาชนทั้งมวล เนื่องในปีกาญจนาภิเษกนี้นั่นคือเรื่องของพระมหากษัตริย์ ชาวไทยเป็นชาวพุทธ ส่วนใหญ่ร่วม ๙๐% นับถือพุทธศาสนา เรื่องของศาสนาเป็นสถาบันสูงสุดอีกประการหนึ่ง พระพุทธรูปศิลาเป็นตัวแทน เป็นสัญลักษณ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและเป็นศูนย์รวมใจของชาวเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จังหวัดสุโขทัย องค์พระพุทธรูปศิลาเองมีความศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก ซึ่งปรากฏแก่คณะผู้ติดตาม ดิฉันได้กล่าวไว้แล้วในหนังสือไทยรัฐ ในการออกรายการทีวี และในหนังสือจะไม่ขอนำมาพูดในที่นี้
ดิฉันขอโอกาสนี้กราบขอบพระคุณมาแทบเท้าของหลวงพ่อที่เคารพรักยิ่ง ที่ท่านกรุณาเมตตาส่งพลังใจติดต่อ สื่อสาร อาราธนานิมนต์หลวงพ่อศิลา ทำให้คณะของเราสามารถดำเนินงานจนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี โดยที่หลวงพ่อ มิได้ต้องการที่จะเปิดเผยเรื่องนี้แก่ผู้ใดเลย แต่ดิฉันต้องกราบขอความกรุณาเปิดเผยให้ลูกศิษย์ของท่านได้รับทราบ ว่า หลวงพ่อของเราอยู่เบื้องหลังงานนี้อย่างไร ดิฉันขออาราธนาหลวงพ่อศิลาช่วยดลบันดาลให้หลวงพ่อของเรามีพลานามัยสมบูรณ์ มีปฏิปทาแก่กล้าในพลังแห่งวิปัสสนากรรมฐานยิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อเป็นหลักชัยของพุทธศาสนิกชนในประเทศไทยและชาวโลก เป็นที่พึ่งและชี้นำแสงสว่างให้แก่พวกเราตลอดไปชั่วกาลนานเทอญ.