โครงการพัฒนาจิตใจนักเรียนพลตำรวจ

โดย พ.ต.ท. เฉลิมเกียรติ กีรติบุญมานนท์

การฝึกอบรมพัฒนาจิตใจให้กับนักเรียนพลตำรวจ เป็นนโยบายของกรมตำรวจ และตามนัยคำสั่งของกองบัญชาการศึกษา ได้สั่งการให้กองกำกับการโรงเรียนตำรวจภูธร ๔ ขอนแก่น จัดทำโครงการพัฒนาจิตใจเพื่อฝึกอบรมบุคลากรให้เกิดความรู้ความเข้าใจในวิชาต่างๆ ที่เกี่ยวกับอุดมการณ์ชีวิต ปรัชญาชีวิต หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า อันจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งในด้านการครองตน ครองคนครองงาน ตลอดทั้งรู้หลักการในการดำรงตนอยู่ในสังคมตำรวจและสังคมโลกาภิวัตน์ได้อย่างผาสุกและราบรื่น

พันตำรวจเอก วิรัช จันทรัตน์ ผู้กำกับการโรงเรียนตำรวจภูธร๔ ได้มอบหมายให้ พันตำรวจโท เฉลิมเกียรติ กีรติบุญมานนท์ สารวัตรทำหน้าที่อาจารย์บริหารงานตำรวจ ไปศึกษาหาแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับนักเรียนพลตำรวจ ตามแนวทางที่มีอยู่และแนวทางใหม่อันจะนำไปผสมผสานให้เกิดการนำไปสู่การปฏิบัติได้ทันที

จากเหตุและผลตามแนวความคิดดังกล่าว กระผมจึงได้ไปติดต่อประสานงานกับศูนย์วิปัสสนากรรมฐานเวฬุวัน บ้านเนินทอง ตำบลบ้านค้อ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น โดยมีพระอาจารย์ ธีรวัฒน์ ฐานุตุตโร รักษาการและเป็น หัวหน้าฝ่ายสงฆ์ ท่านได้เล่าให้ฟังว่า ศูนย์ได้เปิดอบรม พัฒนาจิตใจ โดยเน้นหนักไปทางด้านวิปัสสนากรรมฐานตามแบบวิธีของพระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมุโมหรือ พระราชสุทธิญาณมงคล เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี ได้แก่การกำหนดลมหายใจเข้าออกว่า พอง – หนอ, ยุบ – หนอ, นั่ง -หนอ, ยืน -หนอพอง -หนอ, เดิน – หนอ ฯลฯ จึงได้แนวคิดว่า ถ้าได้ประยุกต์โครงการพัฒนาจิตใจที่เคยทำอยู่ แล้วนำวิชา พัฒนาจิตพัฒนากายไปลงปฏิบัติที่ศูนย์พัฒนาจิตเวหุวันจะได้ผลมากกว่า กระผมจึงได้ร่างโครงการพัฒนาจิตใจลงสู่การปฏิบัติตามแบบของพระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญฯ นำเสนอต่อท่านผู้กำกับการ ซึ่งท่านก็ได้อนุมัติโครงการใน ทันที เมื่อได้รับอนุมัติแล้ว คณะทำงานก็ได้นำนักเรียนพลตำรวจเดินทางไปปฏิบัติธรรมที่ศูนย์วิปัสสนากรรมฐานเวฬุวัน ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๐ เป็นรุ่นที่ ๑ จำนวน ๔๕๖ นาย และผู้บังคับบัญชาอีก ๙ นาย ร่วมปฏิบัติธรรมพร้อมกัน ส่วนรุ่นที่๒ ปฏิบัติธรรมตั้งแต่วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๔๐ จำนวน ๔๕๔ นาย พร้อมผู้บังคับบัญชาชุดเดิม

“ยืนหนอ ๆ ๆ ๆ ๑” (๕ ครั้ง)

จากการสังเกต นักเรียนพลตำรวจทั้งสองรุ่น ดูเหมือนว่าพวกเขาถูกบังคับให้เข้าปฏิบัติธรรม พฤติกรรมที่แสดงออกมาค่อนข้างจะต่อต้านนิดๆ แต่ก็อยู่ในสายตาของ ผู้บังคับบัญชา ในวันแรกนี้พวกเราจะไม่พูดอะไร ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพระอาจารย์ธีรวัฒน์ กับคณะวิทยากรของ ท่าน๕ คน ยกจิตที่ตกต่ำขึ้นสู่บัลลังก็ใจให้ได้ก่อน เมื่อได้สมาทานศีล ๘ แล้วก็ฟังพระอาจารย์ธีรวัฒน์ แสดงธรรมเป็นการปฐมนิเทศไปในตัว ตกกลางคืนเสียงระฆังดังกังวานเรียกรวมในห้องโถงใหญ่ศาลาสุทธิญาณมงคล เพื่อสวดมนต์ร่วมกันกับอุบาสกอุบาสิกาซึ่งเป็นชาวบ้าน และนักเรียนชายหญิงนับร้อยคน ค่ำคืนนี้นี่เองพระอาจารย์ธีรวัฒน์ นำสวดอิติปิโส ๑๐๘ จบ และสวดมนต์ทำวัตรเย็นสวดพระคาถาอื่นอีกนานเกือบ๒ ชั่วโมงเศษ เพราะเป็น วันมาฆบูชา ทำให้นักปฏิบัติธรรมเปลี่ยนท่านั่งพับเพียบ ซ้ำแล้วซ้ำอีก พอสวดเสร็จพระอาจารย์แสดงธรรม จาก นั้นจึงปล่อยให้พักผ่อนและเข้านอน

นักเรียนพลตำรวจขณะนั่งกำหนด (พอง-หนอ, ยุบ-หนอ)

วันแรกผ่านไป ความทรงจำยังคงมีแต่ต้องเก็บเอาไว้กระมัง พูดอะไรก็ไม่ได้ เพราะสมาทานศีล๘ ไปแล้ว ต้องเสงี่ยมเจียมตัว การเดินเหินไปทางใดต้องพิจารณาจิตกำหนดจิต ขวา – ย่าง – หนอ, ซ้าย – ย่าง – หนอ ฯลฯ เห็นนักปฏิบัติธรรมให้ความสนใจปฏิบัติตัวแล้วรู้สึกเป็นบุญตาจริง ๆ ทำเอาผู้เขียนก็นั่งซึมน้ำตาไหลทีเดียว

วันที่สองผ่านไป และวันนี้เป็นวันสุดท้าย พระอาจารย์ธีรวัฒน์ แจ้งว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม ได้เดินทางมาถึงวัดตั้งแต่เมื่อคืน นักปฏิบัติธรรมหน้าใหม่รู้ข่าวต่างก็มีสีหน้าเบิกบานอิ่มเอิบอยากพบ อยาก ฟัง ต่างรอคอย และเมื่อได้ยินได้พังการแสดงธรรมจากหลวงพ่อท่านแล้ว บางคนดูกิริยาอาการรู้สึกว่าพึงพอใจเหลือลัน บางคนบอกความรู้สึกต่อตนเองว่า คาดไม่ถึงว่าโครงการนี้เท่ากับต่ออายุเขาไว้ บางคนบอกว่าไม่เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา บางคนบอกว่าเวลา ที่เสียไปไปทำอะไร ปล่อยให้ตนเองบาปอยู่ทำไม บางคนก็บอกว่าแม้ชีวิตจะเหลือน้อยลงเพียงใดแต่ก็ภูมิใจที่ได้ทำดีทัน และที่ทุกคนได้รับในวันปัจฉิมนิเทศก็คือ พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านได้มอบอาวุธอันวิเศษ สำหรับตำรวจทุกคนได้แก่ เอ็ม ๑๖ จำนวน ๒ กระบอก พร้อมกระสุน ๑๐ นัด (เอ็ม ๑๖ หมายถึงมือทั้ง ๒ ข้าง กระสุน ๑๐ นัดก็คือนิ้วมือทั้งสิบที่พนมขึ้นมา) ทุกคนพร้อมผู้เขียนก็น้อมรับ ด้วยความปีติยินดี พวกเรารู้สึกดีใจ พอใจและเป็นเกียรติเป็นศรีกับตนเองอย่างมาก ที่ได้มาร่วมปฏิบัติธรรมที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมเวหุวันแห่งนี้ พวกกระผมจะยึดมั่นในพระพุทธศาสนา จะทดแทนคุณพ่อแม่ ครู อุปัชฌาย์อาจารย์ และจะยึดเป็นธรรมนูญของชีวิตต่อไป ตราบนานเท่านาน

สุดท้ายนี้ กระผมขอกราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมุโม พระอาจารย์ธีรวัฒน์ ฐานุตุโร ท่านอาจารย์ที่เป็นวิทยาการ ท่านผู้มีอุปการคุณ ทายกทา ยิกา และบริกรทั้งชายหญิง ที่เสียสละอุทิศแรงกายแรงใจอดตาหลับขับตานอน มาทำงานจัดเลี้ยง จัดบริการและ จัดการอื่นๆ จนกระทั่งทำให้พวกกระผมได้มีโอกาสมาใช้บริการทำให้เกิดธรรมในดวงใจ จนพูดได้ว่า วันเวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็มิอาจลืมเลื่อนได้ ขอผลบุญผลทานของพวกท่านทั้งหลาย จงย้อนกลับและบันดาลให้ทุกๆ ท่านประสบแต่โชค ลาภ ยศ สรรเสริญ ธนสารสมบัติ และถึง ซึ่งพระนิพพาน เทอญ•

๔ มีนาคม ๒๕๔๐