เครดิตคือคุณธรรม
โดย หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
ที่สหรัฐอเมริกา อาตมาไปประสบมา มีบ้านกระท่อมหลังหนึ่งอยู่กันสองสามีภรรยา มีบุตรธิดา ๓ คน สามีเป็นฝรั่ง ภรรยาเป็นคนไทย ลูกเรียนหนังสือเก่งและเป็นคนดี สามีภรรยาคู่นี้ หมั่นสวดมนต์ไหว้พระ หมั่นเจริญพระกรรมฐาน หาเช้ากินค่ำ เพราะยากจนเงินทอง เมื่ออดีตชาติไม่ได้ทำทานมา แต่สติปัญญาสูง
เหมือนคนเจริญสติปัฏฐาน ๔ มาแต่ชาติก่อน รำลึกชาติได้ แต่ไม่ได้ทำทาน ไม่ได้ให้สวัสดิการ ไม่ได้ช่วยเหลือใครเลย มาในชาตนี้ เกิดมาเป็นลูกขอทาน แต่มีปัญญา
ไปเกิดบ้านคนจนก็จริง แต่ว่ามีปัญญา มีสติตลอดเวลา เพราะเขาฝึกมา แต่เขาไม่ได้ทำทานการกุศลไว้ นี่แหละบุญกุศลจึงไม่เท่ากัน
บางคนมีเงินทองมากมาย แต่ไม่สามารถจะทำงานให้สำเร็จได้ ไร้ปัญญา เงินนั้นก็ช่วยไม่ได้ กลับผลาญเงินผลาญทองมากมายก่ายกอง หมดเนื้อประดาตัว
บางคนมีสติปัญญาแต่เงินลงทุนไม่มี จำเป็นเหลือเกินต้องไปกู้ธนาคาร กู้ญาติพี่น้องมาลงทุน แต่เขาสวดมนต์ ไหว้พระ สวดอิติปิโสเท่าอายุ สวดธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุงมหากาฯ แล้วก็เจริญภาวนา เงินไหลนองทองไหลมา เพราะทำให้เขาเกิดปัญญา
ปัญญานี่แหละทำให้เกิดเงินได้ วิชาทำให้เกิดเป็นเงินเป็นทองได้ แต่คนที่ไร้วิชา ขาดเหตุผลแล้วนั้น ไม่สามารถจะเกิดเป็นเงินเป็นทองได้ เหมือนลูกเศรษฐีมีเงินมาก แต่ไร้ปัญญาขาดความคิด ไม่ช้าเงินก็หมดไป เงินทองเป็นร้อยล้านก็หมดเนื้อประดาตัว มีเงินเป็นพันล้านก็เอาไว้ไม่ได้ เป็นเหตุผลเพราะกฎแห่งกรรมจากการกระทำของตน
สองสามีภรรยาหมั่นสวดมนต์ภาวนา ซื่อตรงต่อเวลา ซื่อตรงต่อหน้าที่ อเมริกาให้บัตรเครดิตสามารถซื้อของได้ในราคาเป็นร้อยดอลลาร์ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีสมบัติวัตถุอะไรเลย
เขามีใบประกันตัวอยู่ในสหรัฐมานาน อาตมาถามฝรั่งคนหนึ่งว่าทำไมคนนี้เป็นคนดีในสังคมฝรั่ง ฝรั่งจึงให้บัตรเครดิตซื้อของได้ตั้งร้อยดอลลาร์ หรือพันดอลลาร์ก็สามารถจะซื้อได้ ฝรั่งคนนั้นตอบอาตมาว่า
“พระคุณเจ้า เขาพิจารณาครอบครัวนี้มา ๑๐ ปีแล้ว ไม่เคยเสียคำพูดเลยทั้ง ๆ ที่เขาจน” ทีแรกฝรั่งก็ยังไม่ได้ให้ ตอนหลังให้กู้ไป ๕๐๐ ดอลลาร์ พรุ่งนี้จะครบตามสัญญา วันนี้เขานำไปให้แล้ว
อาตมาถามโยมสองคนสามีภรรยาว่า “โยม ไปเอามาจากไหน”
เขาตอบว่า “หลวงพ่อครับ มันแปลกที่สุด ผมสามีภรรยาไม่เคยโกหกตัวเอง ผมใช้สติปัฏฐาน ๔ แล้วพยายามทำตามหน้าที่ทำตามเวลา เดือดร้อนถึงเทพเจ้า ผมฝันทุกครั้งว่าจะได้เงินจากไหน ถึงเวลาเขาก็มาช่วยผม เพื่อนบ้าง คนโน้นบ้าง คนนี้บ้าง แล้วผมก็เอาไปให้เขาทันเวลา”
แหม! อย่างนี้ชื่นใจ นี่แหละคือสัจจะ “สัจจังเว อมตา วาจา” วาจาสัจย์เป็นวาจาที่ไม่ตาย เป็นจิตใจที่มั่นคง
คนที่มีเครดิต คือคนที่มีคุณธรรมพูดจริงทำจริง ซื่อสัตย์สุจริต เป็นนิจขยัน ประหยัดให้มั่น หันหลังให้อบาย
อาตมาไปบ้านเขามา เป็นบ้านเล็ก ๆ สองสามีภรรยาอยู่ด้วยความสุข เหมือนพ่อเงาะป่ากับรจนายาใจอยู่ปลายไร่ปลายนา เก็บผักบุ้งกลางนาเก็บสันตวากลางหนอง เอามาดองกิน สร้างความดีในไร่นา อยู่เย็นเป็นสุข สองสามีภรรยา คือรจนากับสังทอง
ตัวโง่คือทวารหก มีเงินเป็นพัน ๆ ล้าน หน้าโง่ แต่หาปลาเนื้อไม่เป็น สังข์ทองมีเครดิต มีคุณธรรมสูง พูดจริงทำจริง นึกเงินจะไหลนองนึกทองจะไหลมา
หากท่านเสียสัจจะวาจาแล้ว รับรองให้ท่านนึกสักปีหนึ่งก็จะไม่มาหมดโอกาสและเวลา ดังที่ได้ชี้แจงมาเป็นต้น
เครดิตดีอย่างไร เงินทองในบ้านไม่มีเลย เขาทำด้วยความซื่อสัตย์ แต่มีปัญญา เขาบอกว่า
“หลวงพ่อคะ ดิฉันสวดพุทธคุณเท่าอายุอย่างที่ท่านกล่าวมา ดิฉันไม่เคยรู้จักหลวงพ่อหรอก แต่หลานเขาเอาหนังสือมาให้ ดิฉันก็ทำตาม สวดพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุงมหากา สวดพระเจ้าชนะมาร แล้วก็สวดพุทธคุณเท่าอายุ อุ่นใจดี”
ตอนเช้าจะมีปัญญาที่จะต้องไปหาเงิน ตอนเช้าจะต้องไปทิศนี้ พรุ่งนี้จะต้องไปทิศนั้น จะเกิดสังหรณ์จิตให้ไปทางทิศนี้เถอะ จะไปรับจ้าง เลยไปถึงโรงแรมเกิดต้องการคนขึ้นมา
คนนี้ก็เลยไปรับจ้างในโรงแรม เขารับจ้างวันละ ๑๐๐ ดอลลาร์ ทำงานแทบตาย แล้วก็โกงไม่ให้เงิน
เขาก็ไม่ติดใจ เขาซื่อตรงต่อเวลาที่ทำงานได้ ก็พูดต่อนายจ้างเจ้าของโรงแรมว่า
“ท่านจ้างข้าพเจ้ามาหนึ่งวันกับหนึ่งคืน ล้างถ้วยชามทำกิจการในบ้านของท่าน ท่านไม่ให้เงินข้าพเจ้าข้าพเจ้าก็จะไม่ติดตามผล จะไม่ทวงถามท่านอีกต่อไป
ให้รู้ไว้ว่า ท่านไม่ให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะได้หมดห่วง จะไม่กลับมาทวงแล้ว ข้าพเจ้าฝากความหวังดีที่ท่านทำกับข้าพเจ้าไว้ ขอให้ท่านมีความเจริญในการค้าของท่านต่อไป
ข้าพเจ้าเสียแรงที่ช่วยท่านไป ข้าพเจ้าจะไม่เอากลับคืนมา และจะไม่ทวงถามเงินทองที่เป็นลูกจ้างท่าน ข้าพเจ้าทำบุญ ขอให้ท่านจงมีคุณประโยชน์ ร่ำรวยมหาศาล ข้าพเจ้าแสนจะจนเงินทอง แต่ข้าพเจ้าไม่จนจิตใจ ไม่จนคุณธรรม”
แล้วเขาก็ไม่สนใจ หมั่นสวดมนต์ ไหว้พระ เจริญสติปัฏฐานสี่ เดินจงกรม ๑ ชั่วโมง นั่ง ๑ ชั่วโมง
สักประเดี๋ยวนายห้างโทรศัพท์มาหาแล้ว บอกขอให้ไปพบ เขาจะมีการประชุมเดี๋ยวนี้ มีแขกเมืองมามากมาย ขอให้มาช่วยอีกสักครั้ง ถ้าเป็นโยมที่ไม่เคยนั่งกรรมฐานจะไม่ไปเพราะพึ่งถูกโกงมา
แต่คนมีกรรมฐาน ในเมื่อเขามาขอร้อง กระทั่งที่ทราบดีว่าเขาโกงไม่ให้เงินทองเลย คนที่ไร้คุณธรรมจะไม่ไปอีกแล้ว จะไม่ไปทำงานให้เขาช้ำใจ จะแช่งชักหักกระดูกเขาร่ำไป
สองสามีภรรยา จุดธูปเทียนสวดมนต์ภาวนาและพาหุงมหากาจบ แผ่เมตตาให้นายห้างโฮเต็ลนี้มีความเจริญรุ่งเรือง แล้วก็แต่งตัวสวยหรูไปช่วยโรงแรมต่อไป
เทพเจ้าทั้งหลายดลบันดาล คิดหามุมกลับ แหม! คนนี้ดีเหลือเกิน เราไม่ให้เงินก็ไม่โกรธ คิดว่าเขารู้จักหน้าที่ รู้จักการงาน รู้จักเหตุผล คนอื่นทำงานรับจ้างเอาแต่เงินไม่มีเหตุผล
แต่สองสามีธรรยาทำงานมีเหตุผล และไม่ทิ้ง ไม่ขว้างงาน ช่วยนายห้างเหมือนเป็นงานของตนเอง
นี่แหละบุญเกิดบันดาลในทันที หันมุมกลับ ฝรั่งก็โอเคโอเค คนนี้ดีมาก ข้าพเจ้าเห็นใจท่าน ลูกข้าพเจ้าโกงท่านเราเป็นผู้รู้
ในเวลากาลต่อมาเศรษฐีผู้นั้นเกิดทุกข์ ถูกจับ จะด้วยเหตุผลประการใดก็ไม่ทราบ สองสามีภรรยาจึงได้ให้เหตุผลส่งภาษาฝรั่งไปว่า
“นี่แน่ะนายห้าง ต้องทำอารมณ์อย่างนี้ ท่านนายห้างชนะแน่ ๆ”
ฝรั่งที่ขี้โกงกลับทำอารมณ์ได้ผล เพราะคนที่แนะนำถึงแม้จะยากจนเงินทอง แต่ความจริงเขามีเครดิตไม่เคยโกงใคร
นี่แหละญาติโยมมที่รักทั้งหลาย ถ้าใครโกงเงินโกงทองไป ดีใจเถอะ ให้เขาเถอะ ปลงให้มันตก เหมือนอย่างคนยากจนสองสามีภรรยานี้
แต่หมายเหตุท้ายเขาบอกว่า
“มีให้เขาโกง ดีกว่าเราไปโกงเขามา มีให้เขาลักเราไป ดีกว่าเราไปลักเขามา” นี่ซิเครดิต โยมทำได้หรือยัง ถ้ายังทำไม่ได้ก็ทำต่อไปให้จิตตั้งใจถึง
สองสามีภรรยาไม่เคยลืมบุญคุญที่ไปทานข้าวของเขา คือคิดในแง่ดี เห็นว่าคนโกงไม่อยากเสียเงิน นี่สิบริสุทธิ์คือ เครดิต เครดิตก็คือคุณธรรม คุณธรรมได้แก่กุศล
กุศลได้มาจากเหตุผล เหตุผลได้มาจากบุญส่งกุศลช่วย ถึงคราวม้วยไม่ม้วยมรณา นี่ประสบการณ์ของอาตมาเอง
สองสามีภรรยานั้นก็ไปช่วยเสร็จ เขาขอบอกขอบใจ ฝรั่งบอกว่า เราไม่ได้คุณ เราลำบากแน่ แล้วก็นำรางวัลออกมาให้เงินมาก และซื้อทองคำให้
ดูซิ โยมคิดทุกคน สองสามีภรรยาจะรับหรือไม่รับ เขาบอกให้มาช่วย ไม่ได้มาจ้าง เขาให้มาช่วยเพราะมีความจำเป็น ทั้ง ๆ ที่รุ่นก่อนโกงเขาไปแล้ว
สองสามีภรรยาขอบคุณขอบใจบอกว่า “ข้าพเจ้าไม่ขอรับ”
เขาก็ถามว่า “ทำไมไม่รับเพราะเหตุใด”
สองสามีภรรยาก็บอกว่า “ท่านโทรศัพท์บอกให้ข้าพเจ้ามาช่วยใช่ไหม? ไม่ได้จ้าง ถ้าจ้างข้าพเจ้าจะขอรับเงิน แต่ข้าพเจ้ามีน้ำใจกับท่าน เห็นท่านมีบุญคุณกับข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าอยู่ที่ตรงนั้นได้ เพราะท่านเจ้าของโฮเต็ลไปช่วยหาให้ข้าพเจ้า”
ข้าพเจ้าจะไม่ลืมพระคุณเลย ข้าพเจ้าจะไม่ขอรับรางวัลแต่ประการใด
เจ้าของโฮเต็ล สามีภรรยาพร้อมด้วยลูกหลาน ก็ตื้นตันน้ำตาไหลนองออก ซึ้งใจมาก แล้วก็พูดส่งภาษากันว่า
“เราไม่น่าโกงเขา เราไม่ให้ เขาก็ไม่โกรธ เราไม่รู้จะไปเรียกใครมา คนนี้เคยเป็นคนเก่า รู้งานรู้การดี แต่ทำไมเขาไม่โกรธที่ไม่ให้เงินเขา เขาเป็นคนดีที่สุด มีเครดิต”
เขาเลยเสนอรัฐบาล เสนอสำนักงานเทศมนตรี แล้วเสนอความดีของคนนี้ไป
อยู่ได้สองวัน เจ้าของโฮเต็ลก็นำรางวัลไปให้ที่บ้านอีก เขาก็รับไว้ รุ่งขึ้นอีกวันเขาก็เอามาคืน
เขาบอกว่า “ข้าพเจ้าไม่ได้รับจ้างท่านนะ ให้มาช่วย ไม่ได้จ้าง” เจ้าของโรงแรมเลยซึ้งตั้งแต่นั้นมา
ท่านพี่น้องทั้งหลาย ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน เลยได้บัตรเครดิต ไปรูดตรงไหน ไปแลกเปลี่ยนโฮเต็ลไหนได้ทั้งนั้น
สามีภรรยาคู่นี้มีโม่งช่วย ร้อนถึงเทพเจ้า ฟ้าดินทั้งหลายช่วยหมด ลูก ๆ ๓ คน เข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ เพราะต้องมีเครดิตต้องมีเส้นสาย
เลยนำบัตรไปยื่นต่ออธิการ อธิการสั่งประชุมการศึกษาเห็นบัตรเครดิต บอกโอเค เขาเลยรับเข้ามหาวิทยาลัยหมด แล้วเรียนเก่งด้วย ไปไหนก็มีคนนับหน้าถือตา
โฮเต็ลฝรั่งคนนี้รวยทองคำในลอสเองเจลิส เขาซื้อพวกแขกดำไว้ เป็นเมืองทองคำทั้งนั้นเลย ยังจะขุดได้อีกมาก มันอยู่ใต้ดิน
ตรงกับที่พระพุทธเจ้าสอนมา ทรัพย์ในดินสินในน้ำ ใครทำใครได้