เมื่อกายทิพย์ของหลวงพ่อมาเยี่ยมข้าพเจ้าที่โรงพยาบาล
โดย รศ .ดร. พรชุลี อาชวอำรุง
ดิฉันได้นมัสการหลวงพ่อจรัญเป็นครั้งแรก เมื่อท่านมาร่วมในการทำบุญครบรอบวันก่อตั้งภาควิชาอุดมศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยที่อาจารย์อำนาจ บัวศรี นิสิตปริญญาเอก เป็นผู้นิมนต์มา ดิฉันได้ทราบกิตติศัพท์ของหลวงพ่อจากการอ่านนิตยสาร “กุลสตรี” เรื่อง “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม” และศรัทธาอยู่แล้ว จึงขอให้อาจารย์อำนาจ พาไปนมัสการที่วัดอัมพวันอีก
คืนนั้น มีพุทธศาสนิกชนมาฝึกกรรมฐานหลายร้อยคน ดิฉันไหว้ท่าน เมื่อท่านขึ้นบันไดศาลาเพื่อมาเทศน์ และได้ขออนุญาตนั่งบนเก้าอี้ เพราะหลังจากอุบัติเหตุรถยนต์คว่ำ เมื่อสามปีที่แล้วได้ใส่เหล็กไว้ที่เข่าและนั่งงอเข่านาน ๆ ไม่ได้ ท่านก็อนุญาต แปลกมากที่ยังไม่ได้คุยกับท่านเลย แต่ท่านเทศน์ในเรื่องของการที่คนทำงานผิดประเภท เป็นนักวิชาการควรเขียนตำราก็ไม่ได้เขียน ไปทำงานธุรกิจที่ไม่ถนัด ฯลฯ ซึ่งตรงกับดิฉันหลาย ๆ อย่าง เมื่อท่านเทศน์จบ อาจารย์อำนาจถามว่าจะไปพบท่านไหม ยังบอกว่าไม่ต้องก็ได้ เพราะท่านเทศน์ตรงอยู่แล้วอย่างไรก็ดี ดิฉันได้มีโอกาสปรึกษาหารือกับท่านอีก
ท่านได้บอกว่าปลายปี ๒๕๓๔ จะได้รับเกียรติยศอะไรบางอย่าง ดิฉันก็ฟังหูไว้หู ไม่ค่อยเชื่อ เพราะทิ้งงานวิชาการไปนาน มัวยุ่งกับธุรกิจรีสอร์ทที่มีปัญหาทางการเงินมาก จะได้เลื่อนตำแหน่งหรือรับเกียรติอะไรได้ แต่ปรากฏว่า ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๓๔ ที่ผ่านมานี้ ดิฉันก็ได้รับพระราชทานสายสะพายอันเป็นเกียรติยศอย่างสูงจริง ๆ หลวงพ่อท่านก็ได้มีเมตตาเจิมสายสะพายให้เป็นการรับมงคลเข้าตัว
เมื่อปีที่แล้วหลวงพ่อได้ไปสหรัฐอเมริกากับคณะของกรมศาสนา ซึ่งมีอาจารย์อำนาจเป็นบุคคลหนึ่งในคณะ ลูกสาว คือ เมธาวี เมลานี โคลาเมน เรียนมหาวิทยาลัยอยู่ที่นอร์ธเทินธ์อิลลินอยส์ ก็ได้มารับคณะของหลวงพ่อและท่านก็มีเมตตาธรรมเทศน์ให้ลูกสาวคลายทุกข์จากการตายของบิดา ซึ่งยังเศร้าโศกอยู่มิรู้หาย
ดิฉันได้ไปเข้ากรรมฐานที่วัดอัมพวันครั้งหนึ่ง แต่ไม่สำเร็จเพราะพอนอนหลับก็มีปลวกจริง ๆ มาขึ้นตามตัวเต็มไปหมด ขยะแขยงมากต้องลุกขึ้นมาเอาน้ำสาดให้ออกจากตัว หลวงพ่อบอกให้แผ่เมตตาก็ทำไม่ได้เพราะตื่นกลัวเสียก่อนทั้งสองคืน ท่านว่าคนมีบุญจึงมีมารผจญ เข้าใจว่าปลวกคงจะมาทวงหนี้กรรมเพราะในการพัฒนาที่ดินที่สายธารแวลลี่ย์รีสอร์ท ที่มวกเหล็ก สระบุรี นั้น ได้สั่งให้ลูกน้องกำจัดปลวกไปหลาย ๆ รังเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดีแม่ชีจากสิงคโปร์ ๑ ก็ได้สอนพื้นฐานการนั่งกรรมฐานและการเดินจงกรมให้จนทำได้และได้นำมาปฏิบัติด้วยตนเองตลอดมา ปรากฏว่าสบายอกสบายใจขึ้นมาก พินิจพิจารณาปัญหาต่างๆ ที่ประสบได้อย่างมีสติรอบคอบยิ่งกว่าเดิม ทำให้สามารถคลี่คลายปัญหาไปได้ด้วยดี ถึงแม้จะยังไม่หมดเสียทีเดียว แต่ก็นับว่า การนั่งกรรมฐานช่วยคลายเครียดได้ดียิ่งกว่ายาปัจจุบันขนานใด ๆ
ดิฉันเคยเล่าให้หลวงพ่อฟังว่า ได้ผ่านการผ่าตัดมาแล้วถึง ๕ ครั้ง ท่านก็บอกว่ายังไม่หมด จะต้องผ่าตัดอีก และเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕ อาการรีดสีดวงทวารได้กำเริบหนักและดิฉันได้เข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ขณะที่พนักงานเข็นรถไปเข้าห้องผ่าตัดในเช้าวันนั้น ดิฉันได้สวดบทพาหุงมหาการุณิโก และบทพระพุทธคุณไปตลอดทาง จนนับครั้งไม่ถ้วนและระลึกถึงหลวงพ่อจรัญตลอดเวลา ขออำนาจบารมีของหลวงพ่อให้ผ่าตัดปลอดภัยและเจ็บปวดทรมานน้อยที่สุด คืนวันนั้นทรมานมากเพราะเป็นจุดที่ละเอียดอ่อนและปวดมากกว่าที่เคยผ่าตัดมาทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดมดลูก หรือการผ่าตัดหลังจากอุบัติเหตุ และพยังมีอาการแพ้มอร์ฟีนซึ่งใช้แก้ปวดอย่างมาก อาเจียนตลอดเวลา
นส.สมจิตร กระต่ายทอง แม่บ้านผู้มาอยู่เฝ้าได้ลากเก้าอี้มานั่งเฝ้าปรนนิบัติข้างเตียงตลอดคืน
เวลาประมาณตีสามของวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ซึ่งตรงกับวันเกิดอายุครบ ๔๕ ปีของดิฉันพอดี ดิฉันได้เห็นหลวงพ่อจรัญมายืนอยู่ข้างเตียง ข้างหน้าต่างกระจก และท่านพูดว่า “ทรมานอีกคืนเดียวนะโยม ดร. ขออโหสิกรรมเจ้ากรรมนายเวรเขาเสีย กำหนดนะว่าปวดหนอ ๆ แล้วจะรู้สึกดีขึ้น พรุ่งนี้ก็จะสบายแล้ว” ดิฉันจำได้ว่า ดีใจยกมือไหว้ท่านและท่านก็หายวับไป
วันรุ่งขึ้นดิฉันมีอาการดีขึ้นมากจริง ๆ หยุดอาเจียน และอาการปวดก็ทุเลาลงมากจนทนได้ ไม่ทุรนทุรายอย่างเมื่อวันก่อน รับประทานอาหารได้ดี ท้องหายอืดเฟ้อ รู้สึกสบายตัวขึ้นมากอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
แต่ที่ทำให้มหัศจรรย์ใจยิ่งกว่านั้น ก็คือ สมจิตรบอกว่า “ดร.นี่บารมีสูงจริง ๆ หนูเห็นพระองค์หนึ่งเข้ามาเยี่ยม ดร. ท่านบินมาเหมือนนกสีเหลืองตัวใหญ่ จีวรปลิว แทรกเข้ามาในกระจกหน้าต่างได้อย่างไรก็ไม่ทราบ หนูเห็นพูดกับ ดร. แต่หนูไม่ได้ยิน” ดิฉันสอบถามก็ได้ความว่าเป็นเวลาประมาณตีสามเช่นกัน นี่คือหลักฐานว่าดิฉันไม่ได้ฝันไป หลวงพ่อได้กรุณามาเยี่ยมจริง ๆ แต่ท่านคงจะยุ่งมาก เลยมาตอนตีสามด้วยกายทิพย์
วันพฤหัสฯต่อมา หลวงพ่อได้ออกรายการทีวี สมจิตรเห็นท่านในทีวี ก็รีบบอกดิฉันว่า “ดร. คะ พระองค์นี้แหละค่ะที่มาหา ดร. หนูจำได้ดี” ต่อมาดิฉันได้พาสมจิตไปนมัสการท่าน ซึ่งท่านก็พูดถึงอดีตและปัญหาของสมจิตรได้อย่างกับตาเห็นและได้มีเมตตาอบรมสั่งสอนแนะแนวทางดำเนินชีวิตที่แก้ปัญหาของสมจิตรให้ด้วย ซึ่งสมจิตรก็ซาบซึ้งในความเมตตาของท่านมาก และสามารถปฏิบัติตามได้ด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่สามารถจะละวางได้
ดิฉันได้ทราบกิตติศัพท์อานุภาพของพระสมเด็จของวัดอัมพวัน และอยากได้มาบูชาสักองค์หนึ่งเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต คิดอยากได้มาตลอดเวลา แต่ไม่กล้าขอท่าน เพราะถ้าขอท่านหรือจะปฏิเสธ แต่โดยที่เป็นพระที่หายากและมีจำนวนจำกัด จึงได้คิดอยากได้อยู่ในใจ หลวงพ่อท่านต้องมี “เห็นหนอ” แน่ ๆ เพราะเมื่อวันที่ไปกราบขอให้ท่านช่วยในการทำบุญรับสายสะพาย ท่านได้บอกว่ามีของดีจะให้ และดิฉันก็ตื่นเต้นที่สุดที่ท่านได้กรุณาให้พระสมเด็จเลี่ยมทองแก่ดิฉันองค์หนึ่ง ซึ่งดิฉันแขวนบูชาติดตัวไว้ตลอดมาตั้งแต่วันนั้น
หลวงพ่อจรัญเป็นพระสงฆ์ที่ดิฉันกราบนมัสการได้เต็มมือเต็มใจเพราะท่านมีจริยวัตรอันงดงามต้อนรับบุคคลทุกระดับ ไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไร ท่านเมตตาโดยถ้วนหน้า คำสอนของท่านตรงตามคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้าที่เน้น “กฎแห่งกรรม” การทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว การอโหสิกรรมและการไม่จองเวรตลอดจนการดำรงตนเป็นพุทธศาสนิกชนที่มีศีล สมาธิ และปัญญา เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต คำสอนของท่านเป็นวิทยาศาสตร์ เป็นเหตุ เป็นผล ไม่มีลักษณะงมงาย ไม่ยึดถือตัวบุคคล
เมื่ออาจารย์สมพร ลูกศิษย์ของท่าน มีจดหมายขอให้ดิฉันเขียนเล่าเรื่องดิฉัน ดิฉันจึงรู้สึกเป็นเกียรติและยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสเผยแพร่หลักฐานการแผ่เมตตาธรรมของท่าน ดิฉันจบปริญญาตรี โท และเอก จากสหรัฐอเมริกาและไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่อายุ ๑๗ ปี ไม่เป็นคนหลงเชื่ออะไรง่าย ๆ แต่ขอยืนยันว่า หลวงพ่อจรัญได้มาเยี่ยมโดยกายทิพย์จริง ๆ