ดับทุกข์ภพชาติ อยู่ในปัจจุบันล้วนๆ
โดย เบญจรัตน์ แผ่กลิ่น
ดิฉันเคยอธิษฐานจิตไว้เสมอ ๆ ชีวิตนี้ขอให้ได้มีโอกาสกราบพระอริยสงฆ์ที่ท่านมีเมตตาต่อดิฉันสักครั้ง ก่อน ๆ เคยฝึกสมาธิแบบฟังเขาเล่าฟังเขาบอก ก็ฝึกฝนนั่งสมาธิเอาเอง นั่งปฏิบัติด้วยตนเอง ทำมาทำไป เลยเกิดยุ่งใหญ่ขึ้นมา เพราะนั่งสมาธิแล้ว เกิดภาพย้อนอดีตชาติ ให้เห็นลอยเด่นชัดแจ๋ว เหมือนตัวแสดงในภาพยนตร์ที่มีตัวดิฉันเอง อยู่ในเหตุการณ์นั้น ๆ เห็นชัดมากว่า ครั้งอดีตชาติตนเองเป็นใคร แล้วเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายสังขาร เบื่อหน่ายความสุขที่ไม่จีรังยั่งยืน สุขเจือปนด้วยทุกข์อย่างเรา ๆ ท่าน ๆ พบอยู่ในชีวิตประจำวัน เคยนึกถึงขนาดว่า ปรารถนาที่สุดก็คือ หลุดพ้น ภพชาติไปเสียนั่น เป็นปริโยสานปรารถนาแท้จริงของดิฉัน แต่ภาพอดีตชาติหลอกหลอนชัดมากขึ้นทุกวัน
ครั้งหนึ่ง เคยเดินทางไปกับกลุ่มไปเที่ยวชมปราสาทหินพิมาย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนไป มีการตระเตรียมกำไล อุบะ เครื่องทรงแบบเจ้าหญิงติดไปด้วย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เอาไปทำอะไร พอเข้าไปเดินชมในปราสาทหินพิมายเท่านั้นเอง ดิฉันเกิดไปเหยียบถูกสวิตช์ย้อนภพย้อนชาติเข้าหรืออย่างไร เดินลิ่วๆ ไปแต่งองค์ทรงเครื่องอุบะ คล้องแขน กำไลมือ รัดเกล้าเพียบเลย ปกติดิฉันเป็นคนอ้วน เดินอุ้ยอ้าย แต่ขณะนั้น ดิฉันเดินลิ่ว ๆ ตรงจุดนั้นมาจุดนี้ทำยังกับว่า เดินอยู่ในบ้านของตนเอง ตรงไหนเคยใช้ทำพิธี หรือทำอะไร เดินบอกถูกหมด และทำพิธีสักการะได้อย่างไม่เก้อเขิน เหมือนอย่างกับว่า ตนเองปฏิบัติอยู่ในชีวิตประจำวัน เห็นอดีตชาติของตนเอง และตนเอง อยู่ในเรื่องราวเหตุการณ์ เห็นชัดมาก
ตอนนี้เกิดภาพไม่จางหายไปกลับบ้านแล้ว ภพชาติอดีตที่เห็นก็ยังปรากฏลอยเด่น ก็มารำลึกถึงว่า เอ๊ะ! ถ้าเราปล่อยให้เกิดสำนักอย่างนี้ ฉายภาพย้อนอดีตเราอยู่อย่างนี้เรื่อยไป เราคือดิฉันอาจจะสูญเสียอะไรบางอย่างเลือนลางไปเรื่อย ๆ จะไม่เข้าเรื่องซะแล้ว นึกได้อย่างนี้ก็พยายามถอนตัวออกจากภพชาติที่เคยเห็นเหมือนเหยียบสวิตช์ย้อนเวลาได้นั้น แต่ทำไม่สำเร็จสักที จนล่วงมาถึง วันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๖ เสียงโทรศัพท์ดังกริ๊ง ๆ ขึ้น ขณะนั่งสมาธิก็ถอนจากสมาธิไปรับโทรศัพท์ เสียงในโทรศัพท์บอกมาตามสายว่า “แม่ครับ ผม ร.ต.อ. การุณย์ สุตยสรณาคม พูด หลวงพ่อเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล วัดอัมพวัน สิงห์บุรี จะมาที่บ้านภรรยาของผม คือ มาที่บ้านคุณ รัชนีย์ ผมจะไปรับแม่ จะมาบ้านผมไหม” ดิฉันแทบตัวลอย พอได้ยินข่าวนี้ ด้วยความดีอกดีใจล้นพ้น ตอบทันทีว่า “มารับเลยลูก แม่พร้อมแล้ว”
ร.ต.อ. การุณย์ สุตยสรณาคม ซึ่งเป็นนายตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาของสามีดิฉัน ก็ขับรถมารับพาดิฉันไปกราบขอพรหลวงพ่อเจ้าคุณฯ ที่บ้านคุณอรุณวรรณ ในตลาดกลางเมืองขอนแก่น โดยมีคุณจิรพรรณ ประสงค์ผล ภรรยาของคุณเสมอ ประสงค์ผล แห่งอู่ซ่อมรถเสมอเซอร์วิส ขอนแก่น ร่วมมากราบหลวงพ่อเจ้าคุณฯ ในโอกาสเดียวกันนี้ด้วย ดิฉันพยายามเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับดิฉันให้หลวงพ่อเจ้าคุณฯทราบ ท่านเมตตารับฟังและให้โอวาทแนะนำทั้ง ๆ หลวงพ่อเจ้าคุณฯ เหน็ดเหนื่อยสายตัวสายใจแทบขาด ตระเวนรับนิมนต์ไปตามสถาบันต่าง ๆ ในจังหวัดขอนแก่น ตามรายการผู้นิมนต์ไว้เพียงทุกชั่วโมงไม่เว้นเลย หลวงพ่อมีอาการจะเป็นลม ต้องถวายโอสถยาหอม แต่หลวงพ่อเจ้าคุณฯ วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ท่านใจเพชรจริง ๆ ไม่ยอมพัก กลับต้อนรับผู้ศรัทธาเข้ามากราบแน่นขนัดอย่างไม่ยอมหนี ด้วยความเมตตากรุณาท่วมท้น ประทับไว้ในความทรงจำของชาวจังหวัดขอนแก่น อย่างไม่เหือดหาย
ฉากชีวิตของดิฉัน เริ่มพบกับแสงทองแสงธรรม ณ บัดนี้เอง โดย ร.ต.อ. การุณย์ ลูกน้องของสามีบอกกับดิฉันว่า
“คุณแม่ จะปรึกษาเรื่องราวอะไรที่มากมาย ควรพบกับ อาจารย์บุญส่ง อินวิรัตน์ ซึ่งผมเคารพนับถือมาก และเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเจ้าคุณฯ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี” ดิฉันก็ให้ ร.ต.อ. การุณย์ ช่วยพาไปแนะนำให้รู้จักกับอาจารย์บุญส่ง อินทวิรัตน์ เดี๋ยวนั้นทันทีเลย ขณะนั้น หลวงพ่อเจ้าคุณฯ ยังรับนมัสการจากผู้ศรัทธาอยู่ในบ้านของคุณอรุณวรรณ หาญเจริญศักดิ์ อยู่ ผู้คนแน่นขนัด โชคชะตาชีวิตของดิฉันหักมุมโค้งหลุดดวงโคจรของห้วงนึกที่หน่วงหนักกับภาพย้อนภพย้อนชาติที่ทำให้เหมือนรบกวนจิตสำนึกได้จากจุดนี้เอง
ท่านอาจารย์บุญส่ง อินทวิรัตน์ ให้คำแนะนำเป็นประโยชน์มาก ให้กำลังใจ และชี้หนทางถูกต้องในกระบวนวิธีปฏิบัติกรรมฐาน สติปัฏฐาน ๔ และให้ความสว่างโปร่งใสกับดิฉันในทุกด้านทุกทาง อย่างไม่เคยพบใครให้แสงสว่าง สาดชโลมจิตใจดิฉันได้มากเท่าครั้งนี้เลย ทั้ง ๆ อาจารย์บุญส่ง อินทวิรัตน์ ขณะสนทนากับดิฉันนั้น ท่านมีอาการอิดโรยอ่อนระโหยอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังมีเมตตา ตอบทุกคำที่ถาม ให้ความสว่างทุกเรื่องที่ขอร้องให้ชี้แจง
ดิฉันจึงตัดสินใจฉับพลันว่า หนทางที่ท่านอาจารย์บุญส่ง อินทวิรัตน์ แนะนำให้ดิฉันในครั้งนี้ ดิฉันยอมรับและปฏิบัติตามแน่นอน ก็ชักชวนให้คุณจิรพรรณ ประสงค์ผล สหายรักไปเป็นเพื่อนร่วมเดินทางไปปฏิบัติกรรมฐาน ณ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี โดยให้ตำรวจขับรถไปส่งให้ที่วัดอัมพวัน สิงห์บุรี เพราะสามีติดราชการ เป็นบุญของดิฉัน และ
คุณจิรพรรณ ได้พบคุณชีซูง้อ แซ่เอ็ง อีกครั้ง นับแต่พบกันครั้งแรกที่จังหวัด ขอนแก่น แต่ครั้งนี้ ดิฉันมาอยู่ที่วัดอัมพวัน สิงห์บุรี เพื่อปฏิบัติกรรมฐาน ในฐานะศิษย์ของ หลวงพ่อเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล และมีคุณชี ซูง้อ เป็นครูฝึกสอนใกล้ชิด คุณชีซูง้อ อัธยาศัยเปี่ยมด้วยเมตตากรุณามาก พูดไพเราะ บุคลิกเข้มแข็งแฝงความนุ่มนวล
วันที่ ๔ จิตดิ่งลงได้ดีเยี่ยม ขณะเดินปฏิบัติสติปัฏฐาน ๔ เดินจงกรม ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ หยุดยืนเบื้องหน้าพระพุทธรูปที่ใคร ๆ เรียกกันติดปากว่า หลวงพ่อดำ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ซึ่งพระพุทธรูปองค์นี้ สามารถเปิดพระเนตรมองเหลือบตาได้ ลืมตาได้เหมือนคนเป็น ๆ เป็นที่อัศจรรย์กับผู้มาฝึกกรรมฐาน มานานแล้ว ดิฉันอธิษฐานจิตต่อพระพุทธรูปหลวงพ่อดำ และขอบารมีหลวงพ่อเจ้าคุณฯ กับพระพุทธเจ้า อภิบาลรักษาให้ดิฉันประคองสติ ปฏิบัติกรรมฐานตามวิถีทางสติปัฏฐาน ๔ ให้ตลอดปลอดภัย และหลุดพ้นไปเสียจากภพชาติย้อนอดีต ซึ่งมันเคยก่อกวนทำให้ดิฉันตกอยู่ในห้วง “เมาอดีตชาติ” มาครั้งหนึ่งแล้ว ขอให้ทุกสิ่งทุกอย่างหลุด ปล่อยวาง ลงให้หมด ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้ ณ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี แห่งนี้ ณ บัดนี้ และขอให้เหลือแต่ปัจจุบันล้วน ๆ ขอให้ดิฉันอยู่ในปัจจุบัน ด้วยสติพร้อมบริบูรณ์ ทั่วตลอดหมด
พออธิษฐานจิตเสร็จ ก็ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ เดินหันกลับย่างต่อไปจนครบอีกหนึ่งรอบ ตอนนี้เจ็บแปล๊บหัวแม่เท้าเหมือนจะแตกปริ เจ็บปวดทรมานมาก เดินแทบไม่ไหว พยายามใช้เท้าขวา เป็นหลักเดินต่อไป หมุนอีก ๑ รอบกลับ รู้ตัวว่าเจ็บปวดที่นิ้วหัวแม่เท้ามาก เดินไม่ไหว ขออนุญาตลาพัก ปรากฏนิ้วเท้าซ้าย งอไม่ได้เลย แต่สำรวมกัดฟันสู้ ไม่อยากรบกวนคนอื่น มีเพื่อนปฏิบัติกรรมฐานสองสามคน และคุณจิรพรรณ เข้ามาช่วยเหลือ พอดีคุณชีซูง้อ มาพบและรีบไปบอกหลวงพ่อเจ้าคุณฯ เดี๋ยวเดียว คุณชีกลับมา บอกว่าหลวงพ่อรู้แล้วว่า คุณนายเบญจรัตน์ แผ่กลิ่น ภรรยาของท่านผู้กำกับจังหวัด ขอนแก่น ได้รับเวทนากล้าขณะปฏิบัติกรรมฐาน หลวงพ่อท่านให้น้ำมันมาทา ดิฉันนั่งน้ำตาไหล นึกเวทนาตัวเองจะทำดีก็เป็นอย่างนี้ เมื่อเท้ากระดิกไม่ได้แล้ว จะเดินจงกรมได้อย่างไร
พอคุณ จิรพรรณ ชโลมน้ำมันที่หลวงพ่อเจ้าคุณฯ ให้มา ทาไป นวดไป ดิฉันกำหนดเอาสติไปไว้ที่จุดปวด กำหนด ปวดหนอ ปวดหนอ ปวดหนอ และกำหนด หายหนอ หายหนอ หายหนอ ตามที่คุณแม่ชีบอกสอน สักพักนิ้วเท้า เริ่มกระดุกกระดิกขยับได้และได้รับกำลังใจอีกมากมาย ญาติธรรมได้พากันมาส่งที่ห้องพัก วันต่อมา ดิฉันอาศัยเกาะแขนคุณจิรพรรณ มาเพื่อฟังธรรมมะจากหลวงพ่อ เจ้าคุณฯ วันนี้เป็นวันพระ ดิฉันกำหนดสติ กัดฟันสู้กับความเจ็บปวดอยู่ถึง ๕ ชั่วโมง ระหว่างรอฟังหลวงพ่อเจ้าคุณฯ เทศน์อบรม แต่ด้วยศรัทธาในองค์หลวงพ่อเจ้าคุณฯ ก็บอกกับตนเองว่า ทุกข์กายนั้นต้องทนให้ได้ คืนนั้นดิฉันนอนยากลำบากมาก เพราะเจ็บปวดที่ขามีมากยิ่งขึ้น
ได้ยินเสียงหลวงพ่อเจ้าคุณ พระราชสุทธิญาณมงคล ซึ่งดิฉันเคารพบูชาอย่างยิ่งกล่าวว่า “โยม เบญจรัตน์ให้อยู่ก่อนนะ ขอเถอะแม่คุณเอ๋ย ยังกลับไม่ได้ จนกว่า อาตมาจะอนุญาต ไหนอยู่ไหนละ โยมเบญจรัตน์”
“ลูกอยู่นี้เจ้าค่ะ” ในใจตอนขณะตอบหลวงพ่อเจ้าคุณฯ นั้น ใจหายเราคงมีกรรมหนักมาก จะต้องปฏิบัติกรรมฐานอยุ่วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ถึงเดือนหรือเปล่าหนอ ความคิดสับสนไปหมดแล้วหลับไป
พอเช้าขึ้น ดิฉันก็พยายามช่วยตัวเองสู้กรรม สู้เวทนา ทนเดินจงกรม ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ พอบ่ายอาการเจ็บปวดค่อยทุเลา อาการดีขึ้นโดยลำดับ พอเช้าวันที่ ๕ ได้ผู้มีน้ำใจ เอาน้ำมันของหลวงพ่อเจ้าคุณฯ นวดให้ ยิ่งดีขึ้นอย่างประหลาด พอวันที่ ๗ หลวงพ่อเจ้าคุณฯ มีเมตตาให้ญาติโยมเข้าฟังนิทานธรรมะ ที่หลวงพ่อเจ้าคุณฯ เล่าให้ฟัง ดิฉันยิ้มแย้มแจ่มใสเบิกบาน และเช้ายังได้ฟังเทศน์ธรรมจักรฯ จากหลวงพ่อเจคุณฯอีกด้วย บุญกุศลที่หลวงพ่อเจ้าคุณฯ เมตตาครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก รำลึกถึงท่านผู้มีพระคุณ หลวงพ่อเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล คุณชีซูง้อ พุทธบารมี คุณแม่ใหญ่สุ่ม ทองยิ่ง และท่านอาจารย์บุญส่ง อินทวิรัตน์ เมตตาชี้ทางให้ดิฉันเดินไปตามมรรควิถี สติปัฏฐาน ๔ อันถูกต้องขององค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชีวิตของดิฉันเหมือนถูกชุบขึ้นมาใหม่ ได้พบแสงทองแสงธรรม ณ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี
ดิฉันมีความรู้สึกปลอดโปร่ง เบาอกเบาใจ แจ่มใส รู้อดีต ปัจจุบัน อนาคต และสำคัญที่สุด จะไม่มีวันลืม คือ รู้ความเป็นปัจจุบัน และ รู้เท่าทันอารมณ์ทุกขณะจิต นั่นคือ มีสติเสมอ
กราบเท้าหลวงพ่อเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล พระอาจารย์ผู้ประเสริฐ คุณชีซูง้อ แซ่เอ็ง คุณแม่ใหญ่ สุ่ม ทองยิ่ง คุณชีสมคิด มา ณ ที่นี้ด้วยความเคารพศรัทธาอย่างยิ่ง
อนึ่ง ดิฉันพร้อมด้วยสามี คือท่านผู้กำกับ และ ร.ต.อ. การุณย์ สุตยสรณาคม ผู้ใต้บังคับบัญชาของสามีดิฉัน และอาจารย์บุญส่ง อินทวิรัตน์ กับกลุ่มลูกศิษย์หลวงพ่อเจ้าคุณฯ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี กำลังเร่งมือ เร่งกำลัง ก่อสร้างห้องน้ำ ห้องส้วม แท้งค์เก็บน้ำ ที่พัก สำหรับเปิดศูนย์ปฏิบัติกรรมฐาน สายวัดอัมพวัน สิงห์บุรี สาขา จังหวัดขอนแก่น บนเนื้อที่ดิน ๒๔ ไร่ ที่ด็อกเตอร์ลำใย โกวิทยากร มอบถวายให้หลวงพ่อเจ้าคุณฯ เมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๓๖ แล้วนั้น กำลังดำเนินงานร่วมกันด้วยความศรัทธา ทันตแพทย์หญิงเรวดี วิวัฒน์พัฒน์กุล เศรษฐีนีขอนแก่น ศรัทธางานยิ่งใหญ่ครั้งนี้ มา ขอประชาสัมพันธ์ มาถึงสาธุชนจะร่วมกองบุญใหญ่ในครั้งนี้ผ่านหลวงพ่อเจ้าคุณฯ หรือ กลุ่มลูกศิษย์ทางจังหวัดขอนแก่น ตามที่อยู่ดังกล่าวได้เลย