ทำใจได้

โดย หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
 ๒๓ พ.ค. ๓๑

อให้สาธุรชนทั้งหลายทำให้ครบ ทาน ศีล ภาวนา แม้เราไม่มีทาน แต่เรามีภาวนาก็จะทำให้ศีลเกิดเอง โดยใช้สติสัมปชัญญะด้วยการปฏิบัติสติปัฏฐาน ๔

กายานุปัสสนาสติปัฎฐาน คือ การสร้างบุญทางกายให้มีศีล กาย มีศีลได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย นั่นเอง กายมีศีลก็มีสติสัมปชัญญะดี เดินจงกรม กำหนดจิต นั่นแหล่ะ บุญทางกาย มีสติสัมปชัญญะบุญทางกายก็เกิดขึ้น บุญกรรมก็นำแต่งให้ผลเกิดมาด้วยญาณทำให้เรารู้สึกนึกคิดเกิดปัญญาญาณ เกิดเหตุเกิดผลแก่ตนเองได้ ด้วยการเจริญวิปัสสนานี้

การปฏิบัตินี้ ทำให้เกิดผลดีต่อตัวเองโดยเฉพาะ ต่างคนต่างทำเอาเอง ไม่ใช่คนอื่นทำให้เราได้ เราต้องทำของเราเองโดยเฉพาะถึงจะเหมาะเจาะต่อการปฏิบัติธรรมเราจะได้รู้ตัว รู้อารมณ์ของตัวเองได้อย่างดีที่สุดจากภาคปฏิบัติธรรมนั่นเอง

การเจริญวิปัสสนาเป็นการทำบุญทางกาย ทำบุญทางใจทั้งสองอย่างนี้ ถ้าใจตกคิดปรารภธรรมมีสติในการเดิน ยืน นั่ง นอน เดิน จงกรม ยืนหนอ ๕ ครั้ง กำหนดไว้ให้ได้ในสภาวะของตน และเดินจงกรมให้ได้ระเบียบเป็นการสร้างบุญทางกาย

กายเดิน บุญได้แล้ว สบายใจ มีความสุขมีสติสัมปชัญญะ รู้จักตัว ทุกข์ รู้ตัวสุข รู้จักตัวตัณหา อุปาทาน เกิดขึ้นจากอวิชชามีโมหะ ที่มันเกิดขึ้นในตัวเรา นี่แหละบุญสำคัญ รู้สึกนึกคิดรู้บาปรู้บุญอย่างนี้

ถ้าทำทางกายได้ กำหนดได้สติก็ดีขึ้น เราจะไม่ทำบาปทางกาย เพราะจิตควบคุมกายเข้าไว้ ไม่ให้กายทำบาปนะ สติก็บอกอย่าไปฆ่าสัตว์ อย่าไปเงื้อง่าราคาแพง อย่าไปกระทืบมดปลวก อย่าฆ่าสัตว์ ใครเป็นคนห้าม สติจะบอกกับจิต จึงก็จึงไม่ทำ นี่บุญทางใจ เกิดขึ้นแล้วกายก็ไม่ทำตามคำสั่งของใจ

จึงต้องมีการกำหนดจิต กำหนดหูได้ยิน เสียงหนอ ตาเห็นรูปกำหนด เห็นหนอ จมูกได้กลิ่น ก็กำหนด กลิ่นหนอ เป็นต้น นี่บุญ

ทำไมบุญ ก็กำหนดกลิ่นเหม็นเป็นหอม พอปลงตกนี่เป็นบุญ ถ้าปลงไม่ตก พอมันเหม็นมันก็เกิดโทสะ มันก็เป็นบาป ไม่สบายใจมันเป็นบาป มันเป็นอาบัติโทษเศร้าหมองใจ จึงต้องมีสติอยู่ มีความรู้อยู่มันก็เป็นบุญทางกาย ลิ้นรับรสไม่อร่อย ไม่พอใจก็เป็นบาป ไม่เป็นบุญ หาความทุกข์แล้ว มันเดือดร้อนแล้วปล่อยออกมา นินทากาเลกันต่อไป

นั่นเป็นบาป นี่ถ้าสติดี บุญทางจิตเกิดขึ้นทางใจแล้ว มันก็แสดงออกมาเปรี้ยวหวานมันเค็มก็ขอให้อาหารนี้ทำให้เรามีชีวิตอยู่ไปได้หนึ่งวันโดยทำนองนี้มันก็เป็นบุญ

ตอนนี้บุญอยู่ที่ไหน อยู่ทางกายทางลิ้นทางปาก ก็คือกาย กายรู้กายเข้าใจก็เป็นบุญไป จิตก็สบาย ปลงตกไม่ปรารภเรื่องอื่น ไม่ต้องนินทาใคร ไอ้กูว่ามึง มึงว่ากู นั่นพวกบาป ทำใจไม่ได้เป็นพวกบาป พวกเปรตมันจึงพูดอย่างนั้น

คนที่ดีมีปัญญา มีแต่พูดเป็นบุญไม่ใช่พูดเป็นบาปแต่ประการใด คนประเภทนั้นทำใจได้ เสียงหนอ เขาด่าเรา ถ้าหูเป็นบุญ กายเป็นบุญ สร้างบุญที่กาย เสียงหนอ ๆ สติดีปัญญาเกิดล้ำเลิศทุกประการ จะคิดได้ อ๋อ! คนที่ด่าเราเป็นบาปเอง เราเป็นบุญเพราะไม่ได้โกรธไม่ได้ลงโทษเขา เราก็ได้บุญอีกทางกายจากหูเป็นสื่อรับ จิตเป็นผู้กำหนดสติเป็นผู้รู้ร่วมกับจิตบังคับไว้

เลยก็ได้ตัวปัญญา ปัญญาก็บอกว่า คนด่าเราเป็นบาป เราโดนด่าเป็นบุญ เราอย่าไปโกรธตอบ คนโกรธตอบเป็นบาปมากกว่าคนด่า คนด่าบาป ๕๐% เราโกรธไปด่าตอบเขา เราก็บาป ๑๐๐% นี่แหละบุญทางกาย อย่างนี้

บางคนคอยว่าเขา คอยนินทาคนเราหันมุมกลับจะคิดได้ว่า คน ๆ นี้ ทำใจไม่ได้ คนนี้ไม่ได้กรรมฐาน คนนี้ใช้ไม่ได้ ทำใจไม่ได้ซะแล้ว นี่มีมากหลาย

ที่ทำใจไม่ได้เพราะเหตุไร เพราะบุญทางกายไม่มี บุญทางใจไม่ได้สร้างเลยนะ ไปสร้างบุญตักบาตรทำสังฆทาน ทำบุญหน้าบ้านชอบมาก แต่บุญที่จะสร้างในชีวิตของตนไม่สร้าง เลยบุญทางกายก็ไม่มีบุญทางใจก็ตกไป เลยบุญทานที่ทำไว้ เลยเป็นการให้ขอทาน ไม่มีผลงานของบุญแต่ประการใดเลย

จะยกตัวอย่างบุญอยู่ที่กายให้โยมฟัง เสียงหนอ เขาด่าเรานินทาเรา ว่าเราเป็นคนไม่ดี นั่นแหละ เขาบาปแล้ว ถ้าตัดตอนรูป นามขันธ์๕ เป็นอารมณ์ได้ เขาก็ตัดตอนจากเราไป เขาด่าเราก็คือด่าเขานั่นเอง เขาก็เป็นบาปคนเดียวเดือดร้อนมากใจเศร้าหมองที่ด่าเรา เราทำใจได้เราทำจิตใจดีมีปัญญาเราก็ได้บุญที่รับฟังคำด่าได้ เราได้บุญที่ปลงตกแล้ว ไอ้เสียงกับหูคนละอัน บาปกับบุญคนละอัน แล้วเขาเอาบาปไป เราเอาบุญไว้คือความสุขจากการทำใจได้

เห็นหนอ เห็นหนอ เห็นคนทำท่าจะตีเรา “เห็นหนอ” คนยักคิ้วหลิ่วตาให้เรา เห็นหนอปากบุ้ยด่าเรา ทำท่าทำทางจะเตะเราจะตีเราเห็นหนอ อ๋อ! เขาจะตีเรา เขาจะด่าเรา เห็นทั้งท่าทั้งทางเช่นนี้แสดงความไม่พอใจกับเรา แล้วเห็นหนอปัญญาเกิด อ๋อ ! เขาบาปแล้ว เราเกิดโมโหที่เขาทำท่าทำทางกับเราเราก็ต้องบาป ๑๐๐% ส่วนเขาที่ทำเราบาป ๕๐% ทำนองนี้เป็นต้น

นี่แหละญาติโยมไม่เข้าใจมากทำใจไม่ได้เชียวหรือ นั่งกรรมฐานกันมานานแล้วยังทำใจไม่ได้ ว่าคนนู๊น ยังน้อยเนื้อต่ำใจคนนี้ อะไรอย่างนี้เรียกทำใจไม่ได้

คนไหนทำใจไม่ได้ก็ไปนรก ทุกขติง ปาฏิกังขา แน่นอนที่สุด ดังนั้นจงทำใจตั้งแต่บัดนี้

โจมตีคนโน้น โจมตีคนนี้ คนโดนโจมตีนั่นแหละได้บุญ ส่วนคนไปตีเขานั่นแหละได้บาป คนที่โดนตีได้บุญ ถ้าทำใจได้

นี่แหละรูปนามขันธ์ ๕ เป็นอารมณ์ กายกับจิตแยกออกมาเวทนาแยกออกไป บุญกับบาปแยกออกจากกันเสียอย่าไปปนกัน บุญก็ให้ผลไปทางความสุข บาปก็ให้ผลไปทางความเดือดร้อนและเบียดเบียนตน

นี่มันแยกออกได้เหมือนแยกรูปแยกนามขันธ์ ๕ เป็นอารมณ์ กาย กับจิตแยกกันได้ อะไรเป็นรูป อะไรเป็นนาม อะไรเป็นกิจกรรม และอะไรเป็นตัวทำบาป อะไรเป็นตัวทำบุญ อะไรเป็นตัวให้คุณประโยชน์ตัวอันใดทำให้เกิดโทษ

บางคนก็ช่างน้อยเนื้อต่ำใจเหลือเกิน ฉันทำดีไม่ได้ดี เหมือนมันมีกรรมบัง โปรดอย่าไปคิด ทำใจให้ได้ ทำใจไม่ได้เป็นบาปคนเดียวนะ ไม่มีใครเขาไปช่วยหรอกจะบอกให้ นอกเหนือจากตัวเองเท่านั้น เพราะเป็นผู้กระทำเอง

แยกรูปออกไป อะไรเป็นธรรมอะไรเป็นรูป อะไรเป็นเวทนา อะไรที่บังคับบัญชาไม่ได้ แล้วก็หันกลับไปแล้วก็ดับวูบไปเหมือนหูดับ บุญทางกายคนเขาเอาบาปมายัดเยียดให้ทางหู แล้วเราก็มีแต่บุญกุศล บาปจะเข้าหูเราไม่ได้ บาปมันก็ตกไปหาเจ้าของเอง ที่มาด่าเรา

ตาของเรากำลังทำบุญ ตาของเรากำลังมีความสุข มีรูปมีนาม มีบุญมีบาปอยู่ในตาของเรา ตาเรามีศีล ตาเรามีทรัพย์ ตาเรามีองค์ภาวนา ถ้าหากใครที่ไม่ถูกับเรามาทำท่าทำทาง เราก็มีแต่บุญ เขาก็มีแต่บาป เขาเห็นเราไม่พอใจอยากจะตีเรา อยากจะบ้วนน้ำลายรดเรา อยากจะด่าเรา ที่เราเห็นเขานั้นแสดงกิริยามารยาทที่ไม่ดีออกมาเลย เราก็ใช้ตาเป็นบุญ เห็นหนอ ทรัพย์อยู่ที่ตา ศีลอยู่ที่ตา เป็นบุญอยู่ที่ตา บาปก็เป็นของเขาไป กลับไปหาเขาเอง

อย่าไปน้อยเนื้อต่ำใจเลยพุทธศาสนิกชนที่รักทั้งหลายเอ๋ย นี่บุญอยู่ตรงนี้ บาปอยู่ตรงนี้ นี่แหละคนที่ว่าเขาเป็นบาป ทำใจไม่ได้นี่ถ้าเห็นมุมกลับจะนึกได้ ทำไมนักกรรมฐานถึงเป็นคนแบบนี้ ทำใจไม่ได้จึงเป็นเช่นนี้

บาปบุญคุณโทษที่มีอยู่กับเราเหมือนเป็นเงาตามตัว ถ้าตัวเราสวยกายเป็นบุญ จิตเป็นบุญ เงามันก็ตามเป็นบุญไปด้วย เหมือนกระจกส่องเงาฉะนั้น

กายไม่เป็นบุญ เป็นบาป จิตเป็นบาป กระจกที่ตามเราเป็นเงาก็เป็นบาปสะท้อนย้อนเงากระจกเป็นเงาบาป เป็นเงาโทษติดตัวเราไป

เราแยกรูปแยกนาม แยกบาป แยกบุญออกเป็นสัดส่วน บาปนั้นเราจะไม่ทำให้เดือดร้อนอีก มันก็มีแต่บุญ เพราะประจักษ์ความบาปความเศร้าหมองใจออกไปด้วยการกำหนดจิต กำหนด รู้หนอ ที่ลิ้นปี่ กำหนด โกรธหนอ ตัวโกรธหายไปตัวบุญก็เข้ามาแทนที่ คนที่ด่าเราก็กลับกลายไปหาตัวบาปต่อไปแล้วตัวริษยา ตัวจองเวรจองกรรมก็เกิดขึ้นมาเป็นเงาติดตัวไป

บางคนก็บอกคนนั้นไม่ดี คนนี้ใช้ไม่ได้ นั่นมันเป็นเรื่องของเขามันเรื่องของคนบาปเขาทำกัน เรื่องบุญอย่าเอาไปผสมกับบาปอย่างนั้นสิ คนดีอย่าไปผสมกับบาปอย่างนั้นสิ คนดีอย่าไปผสมกับคนชั่ว คนชั่วอย่าไปผสมกับคนดี เลยกลัวกันไป ไม่รู้บุญรู้บาป ไม่รู้ดีรู้ชั่วแต่ประการใดเลยเข้าข้างตัว ว่าตัวเก่งคนเดียว ตัวดีคนเดียว คนอื่นเอาดีไม่ได้อย่างนี้ ต้องแยกซิ แยกรูปแยกนามแยกบุญแยกบาป ออกไป แล้วเขาจะรู้ตัวเราเป็นบาป หรือเป็นบุญ ด้วยปัจจัตตัง รู้ได้ด้วยการกระทำของเราทั้งสิ้น

พระพุทธเจ้าทรงแสดงโลกธรรมว่าอย่าหวั่นไหว จงทำใจให้ได้ นี่ทำใจตรงนี้นะ จงทำใจเสียเถิด มันมีทุกข์ จงทำใจให้ได้ อย่าไปเกิดเป็นคนอีกเลย มันมีแต่ทุกข์ จงทำใจเสียให้ได้ เราอย่าแก่เลย บังคับบัญชาไม่ได้ก็ต้องแก่ ฟันมันก็ต้องหัก ผมก็ต้องหงอก ตัวหนังเต่งตึงดีทั้งนั้น ทั้งเส้นโลหิตเต่งตึงดี บัดนี้นานไปก็หย่อนยาน ห้ามไม่ได้ บังคับไม่ได้

อย่าแก่เลยนะ จงหนุ่มสาวต่อไปตลอดไป นั่นมันเป็นของหลอกลวงกันชั่วคราวเท่านั้น ไม่มีการแน่นอนในชีวิตเลย นั่นอย่าทำบาปเลย อย่าทำชั่วเลย นี่แก่ก็เป็นทุกข์ เวลาเป็นหนุ่มเป็นสาว กระชุ่มกระชวยหน้าสวยก็ชื่นใจ ในเมื่อยามแก่ชราแล้ว ความกระชุ่มกระชวยก็ลดไป จิตใจก็ฝ่อแฝ่แล้ว ตลอดรายการบังคับไม่ได้เลยก็เสียใจ มันก็เกิดความไม่แน่นอนของอนิจจังนี้

โปรดทำใจเถิด อย่าไปอย่างอื่นเลย ปลงให้ตก ว่าเราต่อไปจะแก่หน้าขาวก็ย่นย่อตกกระ แล้วฟันก็หักก็หลอ หายใจก็ผุบเข้าผุบออกพะเน้าพะนอน้ำลายไหล น้ำตาก็ร่วง ห่วงหัวใจ นี่ทำใจเถิดนะจะเสียใจตลอดชาติที่ทำใจไม่ได้มีความหมายมาก แก่เป็นทุกข์อย่างนี้

เราเป็นหนุ่มเป็นสาว อย่าคิดว่าเป็นหนุ่มตลอดไป อย่าคิดว่าเราเป็นสาวตลอดกาล บัดนี้เราแก่โดยไม่รู้ตัว เนื้อหนังก็โทรมไปโดยไม่รู้ตัวแล้ว มันมีแต่ความทุกข์ มันมีแต่ความยากลำบากตลอดรายการหาความสุขไม่ได้เลย มีแต่ความทุกข์ระทมขมขื่น แทบจะกลืนไม่ลงแล้ว มีทั้งรักทั้งแค้นทั้งแน่นในทรวงหึงหวงหนักหน่วงในหัวใจเงินทองหามาได้ก็สิ้นไป เหมือนร่างกายสังขารหาความแน่นอนไม่ได้ บ้านเรือนก็ทรุดโทรม หลังคาก็รั่วแล้ว ข้างฝาก็จะพัง ปลวกก็จะกินอย่างนี้ เรือนก็เซก็ทรุดหมดอาลัยตายอยากทุกราย

นี่เรามีแต่ความทุกข์ เราเกิดมาก็ต้องแก่เป็นทุกข์ทั้งหมด ก็แย่ลงไปก็เข้าไปสู่เมรุกันทุกคน นี่หรือหนุ่มสาว หลอกลวงกันทุกคนชั่วคราวเท่านั้น มันไม่มีความจริงเลย หาความจริงไม่ได้เลย เธอสวยหรูในวันนี้ เธอจะไม่น่าดูในวันหน้า

โรคกายโรคใจ เจ็บระทวยป่วยไข้ก็มารุมเร้าทุกวัน มันก็ทรุดโทรมมีแต่ความทุกข์ มีแต่ความยากลำบาก โปรดทำใจให้ได้โยมโปรดทำใจเสีย ความรักหนุ่มสาวมันชั่วคราว ไม่ช้าเราก็จะตายจากกัน แล้วก็ต้องเจ็บละเมอเพ้อพกในยามสวยก็ชอบใจกัน เวลาแก่ก็แย่ลงไป เวลาเจ็บไข้ก็ไม่อยากจะดูแลกัน มันไม่สวยแล้ว ร่างกายก็ซูบผอม น้ำลายไหล กินน้ำไม่เข้าปาก ความยากก็เกิดขึ้นจะไม่รักกันแล้ว จะแย่ลงไป นี่หรือสวย นี่หรือสาว นี่หรือหนุ่มกระชุ่มกระชวยไปเที่ยวกันเสสรวลชวนฮา สาวก็ไปเที่ยวหนุ่มก็พากันไป ว่านอนสอนยาก ยังไม่เห็นความจริงของชีวิตเลย เพราะเธอหนุ่มสาวไม่เคยนั่งเจริญวิปัสสนาให้แจ้งถึงใจ

หิวมันก็เป็นทุกข์ ร้อนก็เป็นทุกข์ หนาวก็เป็นทุกข์ตลอดรายการ เจ็บระทวยป่วยไข้ก็เป็นทุกข์ โปรดทำใจให้ได้เถิด หิวเป็นทุกข์ตลอดรายการ กระหายก็เป็นทุกข์ หาความสุขไม่ได้เลย หลอกลวงกันมาว่านอนคู้นอนเหยียด ขาแข้งยังแข็งขยัน บัดนี้เจ็บแล้ว บัดนี้จะจอดแล้ว เราที่นั่งนี่เป็นคนเจ็บ ยังไม่ใช่คนตาย

เจ็บเป็นอย่างไรหรือ เมื่อยมันก็เรียกว่าเจ็บ ปวดโน่นปวดนี่ก็เรียกว่าเจ็บ ไม่สบายใจก็เรียกว่าเจ็บ ไม่สบายกายก็เรียกว่าเจ็บ

เราเข้าใจผิดคิดว่า ต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มถึงเรียกว่าเจ็บ ไม่ใช่พระท่านเรียกว่าจอด เรือจะไม่ไปจะตายแล้ว เรือจอดแล้ว พังแล้วผุแล้ว คือจอด แจวไม่ไปแล้ว ไปไหนไม่รอดปลอดภัยแล้ว จะเข้าเมรุแล้ว จงทำใจนะ เรือจอดแล้วไปไม่ไหว เพราะไม่เคยปฏิบัติธรรมทำใจไม่ได้ ทุกขติงปาฏิกังขาก็ไปนรก ไม่เคยไปสวรรค์กับเขา เพราะไม่เคยเข้าวัด ไม่เคยปฏิบัติธรรมเลย แม้กิจกรมประจำวันก็ทำไม่ได้ มีแต่ความทุกข์ระทมขมขื่นตลอดรายการ

นี่แหละบทความที่ทำใจได้ทำตรงไหน เจริญสติปัฏฐาน ๔ เสียให้ได้ มีสติทุกอิริยาบถเรียกว่า ทำใจ คนที่ทำใจได้เพราะมีสติควบคุมใจได้ ไม่ว่าใครคนที่ว่าเก่ง ๆ หันมุมกลับ เหมือนกระจกเงาคนนั้นใช้ไม่ได้ เงาคนนั้นไม่ดีแน่ เพราะกระจกเงาเป็นอย่างนั้นก็ตามเขาไป นี่จงทำใจเสียให้ได้เถิด คนทำใจได้นั่นแปละคนนั่งกรรมฐานได้รับผลได้มีสติให้กับตนติดตัวไปเป็นอาวุธของตนตลอดไป

เตรียมตัวก่อนตาย เราจะตายเสียแล้ว เราเจ็บเสียแล้ว ลูกเอ๋ยช่วยแม่หน่อย ลูกเอ๋ยช่วยพ่อหน่อย ลูกเขาก็ไม่ช่วยก็เสียใจ เลยไปนรก ทำใจนะโยมนะ เตรียมทำใจเสียบัดนี้ ทุกคน ทั้งหนุ่มทั้งสาว เตรียมตั้งตัวเตรียมทำใจ จะต้องเจอแต่ระทม ขมขื่นตลอดไป ไม่มีใครทำใจได้ ก็ฝากความเสียใจ ฝากนรกไว้ในใจของเราคนเดียว เปล่าเปลี่ยวหัวใจ แล้วเราจะไปไม่รอดปลอดภัยอย่างแน่นอน รีบทำใจเถิด

เวลาเจ็บมีคนมาพยาบาล ถ้าคราวเจ็บคราวใดไม่มีใครพยาบาล ก็ทำใจเสียให้ได้ ลูกก็ไม่เห็นหลานก็ไม่มา ทำใจเถิด เรามาคนเดียว ก็ไปคนเดียว มันเปล่าเปลี่ยวหัวใจ ถึงแม้ไม่มีใครมาช่วยก็ไม่เป็นไร ทำใจเสียก่อน อย่าไปหวังอะไรจากใคร

ปวดหนอ ลูกเอ๋ยมาช่วยบีบให้พ่อแม่หน่อย ลูกเขาไม่มาบีบก็เสียใจ แล้วให้สมบัติเขาไปแล้ว หวังผลตอบแทนจากเขา เขาก็ไปดีแล้วก็ตามใจเอาบุญเถอะ อย่าเอาคุณประโยชน์ ทำใจให้ได้เถอะ เราจะได้ไปสวรรค์นิพพานได้โปรดทำใจ

เรารักลูก หวังจะพึ่งลูกคนนี้แล้วไม่ได้พึ่ง เตรียมทำใจไว้ก่อนเจ็บนี่ลูกเขาจะมาปฏิบัติไหม มาเอาใจเราไหม โปรดอย่าคิดอย่างนั้นเลย จงทำใจเสียให้ได้ ณ บัดนี้ แฟนเขาไม่ได้รักเราด้วยใจจริง เขารักเราด้วยกามคุณทั้ง ๕ ไม่ได้รักด้วยน้ำใจ ด้วยเมตตาเลย เขาจึงไม่มาช่วยเรา ดังนั้นทั้งเงินทองทรัพย์สินสมบัติพัสถาน เราช่วยใครไปอย่าหวังผลตอบแทนเลย มิฉะนั้นเราจะเสียใจไปนรก

ถ้าท่านผู้ใด เจริญวิปัสสนากรรมฐานจิตมั่นคง จะไม่ง้อใครแล้ว เราต้องช่วยตนเองได้ ทำใจได้ เราจะไม่เสียใจ ไม่น้อยใจต่อบุคคลใด ความเสียใจน้อยใจเป็นเมืองอบายเป็นเมืองนรกหมกไหม้ตัวเราเอง

ถ้าทำใจได้แล้ว ไม่ต้องไปเสียใจ ไม่ต้องไปน้อยใจ ไม่ต้องไปให้ใคร เขามาลำบากเพราะเราเลย เราเจ็บก็เป็นเรื่องของเรา เราจอดก็เป็นเรื่องของเรา ไม่มีใครช่วยเราได้แน่ อย่าเสียใจเลยญาติโยมทั้งหลายเอ๋ย จงตั้งหน้าเจริญวิปัสสนาทำใจให้ได้ อย่าไปว่าคนโน้นคนนี้เขา เราไม่เคยว่าใครแล้ว เขาดีแค่นั้น ธาตุสังกะสีเอาดีไม่ได้ ไปว่าเขาทำไม

คนดีมันก็ดีได้ คนชั่วมันก็ดีไม่ได้ คนดีมันจะชั่วไม่ได้ โดยวิธีนี้เราจะชื่นใจเพราะเราทำใจได้ ที่อาตมา ชี้แจงแสดงมานี้ตามเหตุผลของภาคปฏิบัติธรรม ถ้าผู้ใดทำได้ ตั้งสติไว้ทุกอิริยาบถ กำหนดโกรธได้และกำหนดให้หายไปเลย

อย่าผูกความโกรธเอาไว้ใจเลย โปรดทำใจให้ได้ เจ็บก็เรื่องของเรา จะจอดก็เรื่องของเรา ไม่ต้องไปพะเน้าพะนอใคร เพราะบุพการี ค้นหาได้ยากอย่างยิ่งในโลกไม่ค่อยมี พระพุทธเจ้าสอนมาแล้ว

คนที่กตัญญูกตเวทีจะเป็นผู้มีปัญญา คนไม่มีปัญญาจะไม่มีลักษณะนี้เลยนะ จะไม่กตัญญูกตเวที ถ้าคนปฏิบัติธรรมจะมีพร้อม ทั้งบริวารทั้งเครื่องครบ

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ที่อาตมาได้ชี้แจงแสดงมานี้ เกิดมีแต่ทุกข์เกิดมาแล้วก็ต้องแก่ ไม่เกิดก็ไม่มีแก่ ไม่มีเจ็บ ไม่มีตาย แต่ถ้าเกิดเมื่อไรมีแก่เมื่อนั้นเป็นเรื่องธรรมดา จงทำใจให้ได้นะ

ทำใจได้ มีแต่สุขไม่มีทุกข์เพราะปลงตกแล้ว รู้เหตุผลด้วย อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สมปรารถนา ทุกประการเทอญ