หลวงพ่อจรัญผู้มีพระคุณต่อลูก
โดย พ.อ.สรรเพชญ พานิช
หลวงพ่อจรัญเป็นผู้ที่มีความเมตตากรุณาช่วยเหลือข้าพเจ้าตลอดมา เปรียบเสมือนเป็นบิดาคนที่สอง ของข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้ามักจะเดินทางมาเยี่ยมหลวงพ่ออย่างน้อยเดือนละ ๑ ครั้ง ตลอด
ในระหว่างข้าพเจ้ากำลังศึกษาชั้นมัธยม คุณพ่อของข้าพเจ้า (พล.ต.วสันต์ พานิช) ได้พาคุณแม่ ข้าพเจ้า และน้องอีก ๒ คน ไปเยี่ยมหลวงพ่อจรัญ เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน ท่านได้อบรมแนะนำสั่งสอนในการปฏิบัติตนให้เป็นลูกที่ดี ตัวเราในฐานะเป็นลูกควรปฏิบัติตามคำสั่งสอน เป็นลูกที่ดี ได้แก่ เชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่ ขยันเรียน สวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำ ถ้าหากจะให้เรียนดีเรียนเก่ง จะต้องทำสมาธิประมาณ ๑๕ นาทีหลังสวดมนต์ทุกวัน จะทำให้มีความจดจำดี หลังจากนั้นไม่นาน คุณพ่อได้พาข้าพเจ้าและน้องไปหาหลวงพ่อ ขอขึ้นกรรมฐาน แล้วข้าพเจ้าก็นำมาปฏิบัติเรื่อยมา ขยันดูหนังสือทำการบ้าน ทำให้ผลการเรียนได้คะแนนดีขึ้นกว่าเดิม เมื่อจบการศึกษามัธยมปีที่ ๖ ข้าพเจ้ามีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นทหารอย่างคุณพ่อ จึงได้ไปกวดวิชาเพื่อเตรียมสอบเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารในปี ๒๕๑๒ ปรากฏว่าผลการสอบข้อเขียนไม่ผ่าน ข้าพเจ้าเสียใจมาก แต่ก็มีกำลังใจจะสมัครเข้าสอบแก้ตัวใหม่อีกครั้ง เมื่อมีเวลา พ่อได้นำข้าพเจ้าพร้อมด้วยน้องไปเยี่ยมและปรึกษาหลวงพ่อ เพื่อหาแนวทาง ปฏิบัติที่ถูกต้อง จะได้มีโอกาสเป็นนักเรียนเตรียมทหาร หลวงพ่อได้แนะนำหนทางปฏิบัติ ให้สวดมนต์แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวร และปฏิบัติกรรมฐานประมาณ ๑๕ นาที หลังสวดมนต์ทุกครั้ง และกวดวิชาซ้ำอีกพร้อมทั้งหลวงพ่อจะแผ่เมตตาช่วยอีกทางหนึ่งด้วย
ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามที่หลวงพ่อแนะนำมาอย่างเคร่งครัด เมื่อถึงเวลาสอบคัดเลือก เดือนเมษายน ๒๕๑๓ ข้าพเจ้าก็สมัครเข้าสอบ และปรากฏว่าสอบได้ตามที่ตั้งใจไว้ทุกประการ ข้าพเจ้าได้เป็นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ ๑๓
ข้าพเจ้าได้เข้ารายงานตัวเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร เรียนอยู่ ๒ ปี เมื่อจบจากโรงเรียนเตรียมทหารแล้ว ก็ได้เลื่อนชั้นเข้าเรียนในโรงเรียนนายร้อย จปร. ปีที่ ๑ และเรียนอีก ๕ ปี เมื่อจบการศึกษาออกรับราชการในเหล่าสรรพาวุธ ข้าพเจ้าได้เดินทางไปรับราชการยังหน่วยกองสรรพาวุธเบา พล ๕ เมื่อได้เข้าไปรายงานตัวกับผู้บังคับบัญชาเรียบร้อยแล้ว ท่านได้มอบหมายให้ทำงานด้านการส่งกำลังบำรุงประมาณ ๖ เดือน ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าได้ไปราชการที่จังหวัดสงขลาโดยรถจี๊ปในวันศุกร์ และเดินทางกลับมายังหน่วยที่จังหวัดนครศรีธรรมราชในวันอาทิตย์ตั้งแต่เช้า แต่ปรากฏว่ารถจี๊ปที่ข้าพเจ้านั่งไป เกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำลงข้างทาง เนื่องจากรถโดยสารสุราษฎร์-บ้านดอน คันหนึ่งวิ่งเข้าชนท้ายโดยไม่ทราบสาเหตุ และต้องการจะเก็บข้าพเจ้าและคนขับรถให้ตายทันที โดยรถโดยสารคันดังกล่าววิ่งแซงขึ้นไปข้างหน้ารถจี๊ป และใช้ข้างรถโดยสารชนรถจี๊ปอีกครั้งให้พลิกคว่ำ ในเวลานั้นข้าพเจ้ามีสติตลอดเวลา ได้นึกถึงหลวงพ่อจรัญขอให้ท่านช่วย และสั่งการให้คนขับเกาะติดอยู่กับรถ โดยจับพวงมาลัยรถให้แน่น อย่าให้หลุดออกมาจากรถขณะที่รถพลิกคว่ำ คนขับรถได้ปฏิบัติตามที่สั่งไว้ จึงไม่ได้รับอันตรายและรอดชีวิต ส่วนตัวของข้าพเจ้ารู้สึกในขณะที่รถจะพลิกคว่ำว่า จะต้องหลุดออกจากนอกรถไปแล้ว เนื่องจากเกิดแรงเหวี่ยงจากรถ ข้าพเจ้าจึงใช้หลักการนักโดดร่ม คือ การเก็บคอ งอเข่า เท้าชิด ทำให้ตัวของข้าพเจ้ากลมเหมือนลูกฟุตบอล เวลาตกจากรถจี๊ปแล้วจะได้กลิ้งไปบนพื้นดินได้อย่างปลอดภัย แต่ปรากฏว่า เมื่อเวลาที่ข้าพเจ้าหลุดออกไปจากรถจี๊ปกลายเป็นลอยออกจากรถ ไปอยู่ห่างจากตัวรถจี๊ปเป็นระยะทางไม่น้อยกว่า ๑๐ เมตร ซึ่งปลอดภัย หากรถจี๊ปพลิกคว่ำก็ไม่สามารถทับร่างของข้าพเจ้าได้ จึงเป็นสิ่งน่าอัศจรรย์ เพราะบริเวณที่ข้าพเจ้านอนอยู่ที่พื้นดินนั้น เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่อยู่หนาแน่นห่างกันประมาณ ๑ เมตร ซึ่งตามข้อเท็จจริงแล้ว น่าจะได้รับอันตรายเกิดจากแรงเหวี่ยงของรถจี๊ป ทำให้ข้าพเจ้าไปชนกับต้นไม้ริมทางได้ หลังจากที่ข้าพเจ้านอนสิ้นสติอยู่บริเวณนั้น ก็มีชาวบ้าน และมีอนามัยจังหวัดนครศรีธรรมราชท่านหนึ่งเดินทางผ่านมาโดยรถยนต์ปิคอัพ และพบเห็นเหตุการณ์ที่ข้าพเจ้าประสบ ได้ช่วยเหลือ และได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟัง หลังจากที่ช่วยให้ข้าพเจ้าฟื้นจากการสิ้นสติ และถามข้าพเจ้าว่าจะไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลไหน ข้าพเจ้าก็ตอบอนามัยจังหวัดว่าขอรับการรักษาที่โรงพยาบาลค่ายวชิราวุธ เหตุการณ์นี้ หลวงพ่อจรัญเคยบอกไว้ก่อนล่วงหน้าเมื่อครั้งที่ข้าพเจ้าไปกราบลาหลวงพ่อจรัญ ที่วัดอัมพวัน ก่อนเดินทางไปรับราชการที่จังหวัดนครศรีธรรมราชว่า จะเกิดอุบัติเหตุ และสั่งให้ระวังตัว
แต่ท่านว่าไม่เป็นไร จะมีโม่งขาวมาช่วยชีวิต ทุกอย่างปลอดภัย นับว่าเหตุการณ์นี้ได้เป็นจริงตามที่ท่านหลวงพ่อจรัญกล่าวไว้ทุกประการ และนับว่าท่านได้ช่วยเหลือข้าพเจ้าเป็นครั้งที่สอง
ประมาณเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๒๑ ข้าพเจ้าได้ย้ายเข้ามารับราชการที่กรุงเทพฯ ที่กรมสรรพาวุธทหารบก (กองสรรพาวุธกลางที่ ๓) ปฏิบัติงานมาถึง พ.ศ. ๒๕๒๔ ประมาณเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๒๔ ได้เดินทางไปเยี่ยมหลวงพ่อจรัญ หลวงพ่อจรัญได้แนะนำให้ข้าพเจ้าบวช ประมาณกลางเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๒๔ ขณะที่ข้าพเจ้าบวชเป็นพระอยู่ ในช่วงเวลาหลังเพล ก็เดินลงมาจากศาลากลับจากฉันฯ ปรากฏว่าบุญกุศลของข้าพเจ้าที่บำเพ็ญในระหว่างบวชมีอานิสงส์ส่งให้คุณพ่อได้รับความก้าวหน้าในชีวิตราชการ ได้รับพระราชทานยศเป็นพลตรี
หลวงพ่อจรัญให้ความเมตตา ต่อข้าพเจ้าเสมอ ทั้งในเรื่องการงานและเรื่องส่วนตัว จนข้าพเจ้าได้เลื่อนยศสูงขึ้นตามลำดับ และท่านยังให้พรทุกครั้งที่ไปกราบหลวงพ่อ จึงนับว่าหลวงพ่อเป็นบิดาคนที่สอง ที่ส่องทางชีวิตให้ลูกก้าวเดินพ้นอุปสรรค ลูกขอเทิดบูชาไว้เหนือเกล้า ไม่มีวันลืมเลือนเลย
สุดท้ายนี้เนื่องจากในโอกาสที่เป็นวันมงคลคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อจรัญ ในวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๓๗ เวียนมาบรรจบครบรอบอีกครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย อันมีพระแก้วมรกต และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงโปรดดลบันดาลให้หลวงพ่อจรัญจงมีอายุยิ่งยืนนาน เพื่ออยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้แก่ข้าพเจ้าและลูกศิษย์ที่เคารพรักตลอดไป
มี วรรณะ ผุดผ่องนวลใย ใสสะอาด ดุจดวงแก้ว
มี สุขะ ในโลกุตตรธรรม
มี พละ พลังจิตคุ้มครองภัย
คิดหวังสิ่งใด จงสำเร็จทุกประการเทอญ