เมื่อข้าพเจ้าพบขุมทรัพย์แห่งธรรม
โดย นิลุบล ศิริวรวุฒิ
ข้าพเจ้ารู้จักวัดเวฬุวันครั้งแรกเมื่อเดือน เมษายน ๒๕๓๘ ขณะนั้นข้าพเจ้าได้ถูกยืมตัวจากจังหวัดกาฬสินธุ์มาสอนที่โรงเรียนบ้านกุดกว้างประชาสรรค์ ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น ทาง สปอ. เมืองขอนแก่นมีหนังสือสั่งการให้ผู้บริหารและครูผู้สอนในโรงเรียนเข้ารับการอบรมในโครงการ “แสงธรรมนำชีวิต” โรงเรียนละสองคน
ทางโรงเรียนจึงมีการประชุมประจำเดือน ผู้อำนวยการกล่าวรายงานหัวข้อประชุมให้ทราบ พร้อมทั้งถามความสมัครใจว่ามีใครจะไปบ้าง ที่ประชุมเงียบกริบ พร้อมทั้งเสียงหัวร่อต่อกระซิกของครูอาจารย์หลายท่าน แว่วว่า “ของฟรีไม่ชอบสองอย่างคือ ฉีดยากับฟังเทศน์” ทำให้ข้าพเจ้าผู้มาบรรจุใหม่เกรงใจ ไม่กล้าเสนอชื่อตัวเอง พอดีกับอาจารย์สมพิศ ป้องกันภัย กับคุณนายไปรษณีย์เขต ๔ ขอนแก่น มีโต๊ะทำงานติดกับข้าพเจ้าเมื่อมีเวลาว่างก็ได้สนทนาร่วมกัน เมื่อท่านได้หนังสือธรรมดี ๆ จากวัดก็นำมาฝากเนือง ๆ ทำให้ท่านทราบอัธยาศัยของข้าพเจ้าพอสมควร จึงช่วยยกมือเสนอชื่อข้าพเจ้า
ข้าพเจ้ามีความยินดีตั้งแต่ได้ถูกเสนอชื่อ เพื่อนครูก็พูดหยอกเอินว่าต้องผอมแน่ ๆ เลยคราวนี้ แต่ตรงข้ามกับความคิดของข้าพเจ้า ที่ใฝ่จะลิ้มรสของการปฏิบัติอย่างเต็มรูปแบบและถูกต้อง
ก่อนนี้ข้าพเจ้าเคยฝึกปฏิบัติจากหนังสือ “หลักการทำสมาธิเบื้องต้น” จากพระนิพนธ์ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ด้วยความศรัทธาก่อนแล้วประกอบกับวิบากกรรมชีวิตที่วุ่นวายสับสนของข้าพเจ้า คอยสะกิดใจเป็นนิจ พุทธภาษิตที่ว่า ความสุขคือความสงบนั้นเป็นฉันใด คราวนี้ล่ะหนอ ข้าพเจ้าจะได้ดื่มด่ำ กับความหอมหวานเพียงชั่วเวลาน้อยนิดนี้
วันแรกที่เดินทางออกจากบ้าน บุตรชายของข้าพเจ้าเตรียมตัวจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย เขาขอข้าพเจ้าอย่าไปวัดเลย เพราะเขากลัวจะตื่นไม่ทันเข้าห้องสอบ กลัวไม่มีคนทำอาหารให้ทาน ทำให้ข้าพเจ้าวิตกกังวลมาก คิดถึงคำสอนของหลวงพ่อว่า ความรักทำให้เกิดความทุกข์ รักลูกมากกลัวเขาจะมีปัญหาตอนสอบ ข้าพเจ้าฉุกคิดได้ว่าน่าจะลองโทรศัพท์ขอร้องคุณพ่อของข้าพเจ้าให้มาอยู่เป็นเพื่อหลานสัก ๗ วันคงเป็นเพราะบุญบารมีของหลวงพ่อเป็นแน่แท้ทำให้คุณพ่อตอบตกลง แล้วก็อนุโมทนาด้วย
คืนก่อนที่จะออกเดินทาง ข้าพเจ้าได้นิมิตเห็นวัดเวฬุวันก่อน คือข้าพเจ้าฝันไปว่าข้าพเจ้าและเพื่อนผู้ปฏิบัติธรรมได้จับกลุ่มคุยกันในบริเวณวัดแห่งหนึ่ง ทราบภายหลังเมื่อมาถึงวัดว่าเป็นสถานที่ที่ข้าพเจ้านิมิตเห็นในฝันนั่นเอง
บ่ายของการเข้าลงทะเบียนรายงานตัว ข้าพเจ้าไม่ทราบสถานที่ตั้งของวัดเลย ได้สอบถามที่ สปอ.เมืองก็บอกเพียงว่าเส้นทางไปอุดรธานี ข้าพเจ้าก็ขับรถมาเรื่อย ๆ ในใจก็ท้อถอยเมื่อไรจะถึงเสียที เมื่อมาถึงสัมผัสแรกที่ได้พบคือ บรรยากาศที่ทำให้สุขใจกับความเป็นธรรมชาติ แมกไม้ป่าไผ่ที่กำลังโต บริเวณกว้างขวาง สะอาดตา ช่างห่างไกลความแออัดจอแจของสังคมเมืองเหลือเกิน ความเป็นคนช่างน่าหงุดหงิดโมโหของข้าพเจ้าได้ผ่อนเบาลงเมื่อแรกสัมผัส เมื่อลงทะเบียนและทราบห้องพักแล้ว ข้าพเจ้าก็นำสัมภาระเข้าเก็บและพบกับคุณพี่เพ็ญศรี ศรีจินดา และทราบต่อมาว่าเป็นโครงการที่เสนอเจ้านายเบื้องบนไป ขออนุโมทนาบุญกับคุณพี่ด้วย ที่อานิสงส์ผลบุญนี้ได้แผ่ปกไปยังเพื่อนคณาจารย์ทั้งหลายผู้ห่างไกลธรรม และที่ยังเข้าใจธรรมะแบบเลี่ยงหลบอยู่
วันแรกของการปฏิบัติเมื่อข้าพเจ้ากำลังกำหนดพองหนอยุบหนออยู่นั่น ข้าพเจ้ารู้สึกกลัว กลัวความมืด ความมืดที่ข้าพเจ้าไม่อยากให้มีในโลกนี้ ข้าพเจ้าอยากให้มีแต่ความสว่างจ้าของกลางวัน แต่นั้นเป็นไปไม่ได้
เมื่อกำหนดพองหนอยุบหนอไปได้ครู่ใหญ่ความรู้สึกคล้ายกับจะหยุดหายไป เมื่อท่านอาจารย์ผู้สอนเปิดโอกาสให้ซักถาม ท่านแนะนำว่าให้ถอนหายใจและกำหนดใหม่ ผลการปฏิบัติวันแรกทำให้ข้าพเจ้าหลับไปอย่างง่ายดาย ซึ่งต่างกับครั้งนอนที่บ้านข้าพเจ้าจะหลับ ๆ ตื่น ๆ ทั้งคืน เนื่องเพราะความกังวลกับบริบทของชีวิตที่แวดล้อมด้วยความเป็นผู้รับผิดชอบงานจิปาถะ วันใดที่ข้าพเจ้านอนไม่หลับก็จะลุกขึ้นมานั่งสมาธิแบบงู ๆ ปลา ๆ ตามประสา
เมื่อได้มาปฏิบัติอย่างมีครูอาจารย์สอน ทำให้วันที่สองของการปฏิบัติของข้าพเจ้าเกิดปีติเป็นล้นพ้น เมื่อกำลังกำหนดพองยุบอยู่นั้น จิตของข้าพเจ้าได้รำพึงขึ้นว่า “สุขจริงหนอ” ทำอย่างไรชีวิตของเราถึงจะได้รับผัสสะแห่งความสุขเยี่ยงนี้ตลอดไป ความสุขที่ไม่ต้องมีอามิส ความสุขที่ค้นพบด้วยตัวเอง ลำดับต่อมาเจ้ากรรมก็เริ่มเอ่อที่ขอบตา ข้าพเจ้าต้องกลั้นสะอื้นอย่างเต็มที่ ที่สุดก็ควบคุมอารมณ์ได้
ซึ่งข้าพเจ้าได้ฝึกควบคุมอารมณ์ทุกอย่างที่มากระทบจิตอยู่เนือง ๆ ตามคำสอนของท่านเจ้าคุณหลวงพ่อฯ จากแถบเสียงที่ข้าพเจ้ามีไว้กับรถยนต์ฟังต่างเสียงเพลงเป็นประจำ หลวงพ่อท่านกล่าวว่าทุกอย่าง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป พุทธภาษิตนี้ เข้าใจ กินใจ และมีความหมายคำอธิบายอยู่ในตัวเสร็จทำให้กมลที่คล้ำมัวหม่นของข้าพเจ้าได้ใสกระจ่างขึ้น ความมืดที่ข้าพเจ้าเคยกลัวเมื่อแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนั้น กลัวความเปล่าดายตลอดจนเมื่อหลับตากำหนดพองยุบ มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ข้าพเจ้าเข้าใจผิดแต่แรกเลย ความมืดดำนั้นคือความสงบความวิเวก เป็นสัมผัสแรกที่ให้ความปลื้มปีติในการปฏิบัติวันที่สองของข้าพเจ้า
ในวันที่สามของการปฏิบัติ ท่านอาจารย์ผู้สอนได้เพิ่มเวลาขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งข้าพเจ้าทำได้ไม่ง่ายนักเพราะว่าวันนี้ฝนตกฟ้าคะนองทำให้ข้าพเจ้าแพ้อากาศ หายใจฝืดตีบมีเสียงดังคล้ายเสียงนกหวีดประกอบการปวดประจำเดือน ข้าพเจ้าก็กำหนดปวดหนอตามรู้อากัปกิริยาแล้วปล่อยวางสักครูหนึ่งก็หายปวดเป็นปลิดทิ้ง เป็นจริงดังหลวงพ่อท่านว่า “สมาธิคือยาทา ภาวนาคือยากิน”
ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเวลาในการฝึกปฏิบัติกัมมัฏฐานนั้นได้ผ่านไปราวกับลัดนิ้วมือเดียว ย่างเข้าวันที่หก รุ่งเช้าเราชาวคณาจารย์ก็จะได้ร่วมกันทำบุญทอดผ้าป่าและแยกย้ายกันกลับไปปฏิบัติหน้าที่ต่อไป หลวงพ่อท่านสอนว่าใครเลี่ยงงานแม้เรียนมาสูงก็อาภัพ ข้าพเจ้าจะน้อมนำคำสอนนี้กลับไปทำงานด้วยความมีสมาธิและตั้งใจเพื่อความสุขความเจริญต่อไปภายหน้า
และแล้วในวันที่หกนี่เอง เหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นก็บังเกิดกับข้าพเจ้า เมื่อทำวัตรเย็นเสร็จก็ชำระร่างกายเข้านอน ประมาณว่าข้าพเจ้ากำลังหลับสนิทต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงทุบประตู ๒ ครั้งติดกัน ทีแรกข้าพเจ้าก็ไม่ใส่ใจนึกไปว่าเพื่อนข้างห้องคงล้อเล่น เพราะบานประตูห้องข้าพเจ้ากลอนประตูมันล็อคไม่ได้ พอเคลิ้มจะหลับก็มีเสียงทุบอีก ๒ ครั้ง เอาละซีคราวนี้ที่ท่านอาจารย์ผู้สอนเล่าว่าผีมีจริงคงต้องเจอแน่แล้ว คิดได้ดังนั้นข้าพเจ้าก็กำหนดได้ยินหนอ แล้วบอกแก่เสียงนั้นไปว่าหากเป็นวิญญาณที่มาขอส่วนบุญจริงขออย่าได้มากวนเลย ทำวัตรเช้าแล้วจะแผ่ส่วนกุศลไปให้ หลับไปนานเท่าใดไม่ทราบก็ได้ยินเสียงระฆังปลุก
ผลจากการปฏิบัติกัมมัฏฐานนี้ ส่งผลให้บุตรชายบุตรสาวของข้าพเจ้าเป็นเด็กดีรู้จักช่วยงานบ้าน และช่วยเหลือตนเองได้ตามลำดับ จิตใจของข้าพเจ้าที่เคยเลื่อนลอยน้อยใจในโชคชะตาชีวิต บัดนี้ข้าพเจ้าเป็นผู้มีสมาธิดีในการขับรถก็ดีในการปฏิบัติหน้าที่ประจำวันก็ดีตลอดจนแม้ถึงเวลาเข้านอนข้าพเจ้าก็ไม่ต้องพึ่งยากล่อมประสาท ไม่ต้องพึ่งยาขยายหลอดลมแต่อย่างใด
ข้าพเจ้ามีบุญได้ร่วมทางไปกราบนมัสการหลวงพ่อเมื่อเมษายน ๒๕๓๘ หลวงพ่อท่านอาพาธใบหน้าซีดเล็กน้อยพูดเสียงแผ่วเบา ท่านคงเหนื่อยจากงานหนักนี้ งานสร้างคนอย่างแท้จริง กล่าวโดยนัยคือแม้มนุษย์ด้วยกันเองจะสร้างกฎหมายเพื่อเป็นกฎระเบียบบรรทัดฐานของสังคมไว้เพื่อผู้คนจะได้ปฏิบัติตาม แต่ก็มีคนที่ชอบละเมิดออกนอกกรอบนั้น ๆ และเนือง ๆ เป็นเพราะนั่นไม่ใช่การฝึกคนอย่างแท้จริงงานฝึกคนให้เป็นคนเป็นผู้มีจิตใจสูงต้องเป็นงานฝึกอบรมบ่มจิต ดังงานอันหนักอันเป็นเนื้อนาบุญของโลกที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ หรือสมณศักดิ์ของท่านคือ พระราชสุทธิญาณมงคล ศรีพหลนราทร ธรรมิกคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี ดำเนินสืบมาจนปัจจุบันนี้
จากบารมีอันแผ่ไพศาลของท่านเจ้าคุณหลงพ่อฯ ได้เพียบล้นมายังชาวขอนแก่นดินแดนอีสานอันเป็นที่ราบสูงแห่งความแห้งแล้ง ภาคอีสานถูกลืมเลือนไปจากประวัติศาสตร์ชาติไทยนานนัก
อีสานเพิ่งได้จารึกลงในประวัติศาสตร์ชาติไทยเมื่อรัชกาลที่ ๕ นี่เอง อีสานถึงแม้จะแห้งแล้งก็เป็นแต่เพียงภัยธรรมชาติเท่านั้นส่วนน้ำใจคนอีสานนั้นเปี่ยมไปด้วยแสงธรรมอันเรืองรอง เป็นถิ่นไทยใฝ่ดีประพฤติธรรม ดังคำกลอนที่เรียกว่า “ผหญา” ของคนอีสานในวรรณกรรมเรื่อง “ขูลูนางอั้ว” คือ
อันธรรมทั้งห้า ภาวนาอย่าได้ขาด
คันว่ามารมาฆเมี้ยน สิเฟื้อฟ้าสู่สวรรค์ แม่เอย
สุรานั้นอย่าเอาเทียมแทบ ศีลห้าตั้ง
รักษาไว้อย่าไหล้ ให้คอยเอาใจตั้ง
บารมีดวงยอด ลางจักได้ฮ่วมข้อย
ในฟ้าบ่คา แม่เอย (ขูลูนางอั้ว ๑๖๖-๑๖๗)
ความถอดแปลคือ ศีลห้าเป็นธรรมะที่พุทธศาสนิกชนพึงยึดถือเป็นหลักปฏิบัติ ซึ่งได้แก่ การเว้นจากการฆ่าสัตว์จากการลักทรัพย์ จากการประพฤติผิดในกาม จากการพูดปด จากการดื่มสุรา ใครประพฤติปฏิบัติได้ทั้งห้าประการนี่ถือว่าเป็นผู้ประเสริฐ และเมื่อคนอีสานได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อผู้มีน้ำใจกว้างขวางอันหาประมาณมิได้ หลวงพ่อมิได้แบ่งรังเกียจชนชั้น ความด้อยโอกาส ท่านมิได้เกรงกลัวต่อความเบียดเบียน ท่านได้กล่าวเชิญด้วยว่า “ข้าวของหลวงพ่อใครกินแล้วจะร่ำรวย” ซึ่งเป็นเครื่องบ่งชี้ชัดว่าท่านเป็นอริยสงฆ์ผู้สร้างคนโดยแท้ เป็นกุศโลบายนำคนเข้าวัดเพื่อฝึกจิต
อานิสงส์อันใดจะปานทานบารมีหามีไม่แล้ว หลวงพ่อได้สละกำลังทรัพย์กำลังใจสถานที่เวฬุวัน เพื่อการเจริญสมาธิปฏิบัติกัมมัฏฐานด้วยกายภาวนา ศีลภาวนา จิตภาวนา ปัญญาภาวนา อันจะส่งผลให้ มีสติ ความหนักแน่น และปล่อยวาง เกิดอิสระจากตัณหาความอยาก ความเป็นอัตตา คือประโยชน์แห่งที่สุด
จากผลงานและคุณประโยชน์อันมหาศาลของหลวงพ่อที่มีต่อมวลมนุษย์ผู้ใฝ่ธรรมได้ขจรขจายไปทุกสารทิศ ท่านได้มีสายตาอันยาวไกลว่า จังหวัดขอนแก่นซึ่งเป็นเมืองโตเดี่ยวดังลักษณะของเมืองโตเดี่ยวอีกหลายจังหวัด ความเจริญทางด้านวัตถุและจิตใจของผู้คนขาดดุลกัน จิตใจของผู้คนย่อมเคว้งคว้างหาที่ยึดเหนี่ยวไม่ได้
ผู้คนที่ได้หลั่งไหลเป็นคลื่นมนุษย์ผู้กระหายธรรมไปยังวัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี ทำให้หลวงพ่อไม่มีเวลาพักผ่อนปัจจุบันนี้ศาสนิกชนชาวขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียงได้หลั่งไหลมาที่เวฬุวัน เพื่อพึ่งบารมีของหลวงพ่อไม่ได้ขาดเลย
ผู้มาปฏิบัติธรรมเหล่านั้นมาเพื่อพัฒนาจิตใจเพื่อเป็นวัคซีน เป็นภูมิคุ้มภัยตนเองและผู้อันเป็นที่รักของเขาเหล่านั้นทั้งโลกนี้และโลกหน้า จากคำสั่งสอนของหลวงพ่อ และการปฏิบัติด้วยตนเองส่งผลให้ข้าพเจ้า ผู้มีวิสัยทัศน์ที่ไม่ค่อยแจ่มกระจ่างนักในเรื่องของธรรม เกิดความปีติที่ได้ค้นพบขุมทรัพย์แห่งนี้เป็นทรัพย์ในกายที่ไม่มีใครแย่งไปได้ เป็นความสุขสงบที่ไม่ต้องมีอามิสเป็นสิ่งที่นำติดตัวไปได้เมื่อถึงฉากสุดท้ายของชีวิต
กัมมัฏฐานเป็นทางสายตรงที่ทำให้มีสติระลึกรู้ ปัจจุบันอดีต อนาคต ได้แน่นอนดังหลวงพ่อเคยสอนไว้
ท้ายที่สุดนี้ข้าพเจ้ากราบนมัสการหลวงพ่อท่านเจ้าคุณฯ ผู้เป็นเสาเอกของพระพุทธศาสนา และขอน้อมอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากลพิภพ จงช่วยอภิบาลท่านให้หายจากอาพาธ ให้มีพลานามัยแข็งแรง เพื่อจะได้จรรโลงพระศาสนาและชี้ทางธรรมเปิดตาของผู้มืดบอดหลงทาง ได้เห็นแสงธรรมและเจอขุมทรัพย์อันมหาศาลประมาณค่ามิได้นี้ เทอญ
นมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
นางนิลุบล ศิริวรวุฒิ
อาจารย์ ๒ ระดับ ๕
ช่วยราชการโรงเรียนบ้านกุดกว้างประชาสรรค์
ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น ๔๐๐๐๐
โทร. ๒๒๒-๒๗๓, ๒๒๖ ๗๓๖