เจรจาภาษาหนูภาษาแมว
โดย บุญสงค์ เพชรแสน
ผมโชคดีบังเอิญได้อ่านบทความที่ น.ส.พ.มหัศจรรย์ ได้นำเรื่องหลวงพ่อจรัญ ทะเลาะกับหนู เรื่องย่อ ๆ มีอยู่ว่า (ตอนนั้นผมยังไม่ได้รู้จักกับหลวงพ่อ) หนูกัดของเล็ก ๆ น้อย ๆ ของหลวงพ่อ หลวงพ่อแกล้งพูดจาจะฆ่าหนูที่เกเรเหล่านั้นเสียวันหนึ่งหลวงพ่อถอดลูกประคำวางไว้ หนูมากัดสายขาดประคำหล่นเกลื่อน และตกไปในซอกเสาเพดาน ๔-๕ เม็ด เอาออกไม่ได้ ถ้าจะเอาออกมาต้องทำลายของ
หลวงพ่อต้องพูดดี ๆ กับหนู ยอมขอโทษขออภัย ขออโหสิกรรม ที่ได้พูดไปแล้ว และได้แผ่เมตตาให้หนู ขอให้เลิกจองกรรมจองเวร ขอให้อโหสิกรรมแก่หลวงพ่อด้วย ขอให้อยู่ด้วยกันด้วยความสงบ ต่อไปนี้จะไม่ว่าอีก และขอให้นำลูกประคำมาคืนด้วย เมื่อสวดมนต์แผ่เมตตาแล้วท่านก็นอนตื่นขึ้นมาลูกประคำที่หายไปมาอยู่ที่เดิมครบ น่าอัศจรรย์ไหมครับ?
เอามั่ง ในราวกลางปี พ.ศ. ๒๕๓๒ ผมเป็นครู ร.ร. อุดมวิทยา จ.อุดรธานี ผมอยู่บ้านพักครูกับเพื่อนหลายคนมี ๕-๖ ห้อง อยู่เดี่ยวบ้าง คู่บ้าง มีหนูมาก วิ่งกันวุ่นเลย เผลอ ๆ กัดสิ่งของด้วยแถมคนนอนในมุ้ง มันยังมากัดนิ้วเท้า หรือลำตัวที่ติดกับมุ้งด้วย แต่ละคนเป็นศัตรูกับหนูทั้งนั้น รวมทั้งตัวผมด้วยมันเคยเข้ามุ้ง เคยไล่ขยี้เกือบตาย แต่ไม่ให้ตาย ยังคิดได้อยู่
หลังจากอ่านทฤษฎีของหลวงพ่อแล้วก็ลองดู วันนั้นอยู่คนเดียว รู้สึกประมาณตีหนึ่ง เสียงหนูวิ่งกันวุ่นบนเพดาน มันวิ่งหยอกกันสนุกตามเรื่องของมัน พอพลิกตัวมันรู้ เลยเงียบฟัง ผมก็พูดในใจ (ใช้กระแสจิต) พูดว่า
“นี่หนูเอ๋ย พวกเราเป็นสัตว์มี ๔ ขา ค่อยไปค่อยมาก็ได้หรอก ไม่จำเป็นต้องกระโดดโลดเต้น มันรำคาญคนอื่นอยู่ข้างล่างมีแต่ยักษ์นะนอนอยู่นี่ พวกนี้ใจบาปโหดร้าย ฆ่าไม่เลือกนะ ขอพวกเราอย่าก่อกวนเลย ค่อยไปค่อยมานะลูกเอ๋ย พวกเราจะปลอดภัย” พวกเขาจะเงียบกริบเลย ผมก็พูดอีกทำนองเดียวกัน ขอร้องให้อยู่ด้วยกันเงียบ ๆ อย่ารบกวน อย่ากัดสิ่งของ จะไม่ทำอะไรพวกเราหรอกเหตุการณ์เงียบพักหนึ่ง ต่อมาได้ยินเสียงคล้ายคนดูดปาก มันคงพูดกัน ๒-๓ ครั้งเงียบอีก ต่อมาเริ่มมีเสียงวิ่งอีก ผมเลยลุกนั่งและส่งกระแสจิตแผ่เมตตาให้เขาทั้งหลาย จงเป็นสุข อย่าได้รบกวนกันเลย อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจ ขอให้รักษาตนให้พ้นภัยทุกตนเทอญ ผมไม่ได้ด่า ไม่ว่าจะฆ่าหรือทำลาย พูดอยู่ ๒ ครั้ง ๒ คืน ไม่ได้ยินเสียงหนูวิ่งตอนดึกอีกเลย กลางวันก็เห็นวิ่งผ่านหน้า แต่เราไม่ว่าอะไร หนูไม่กัดอะไรเสียหายเลย จนผมจากบ้านนั้นมา
พูดจาภาษาแมว
ในเดือนพฤษภาคม ๒๕๓๓ ผมมาอยู่วิทยาลัยสงฆ์หนองคาย โชคดีที่รองเจ้าอาวาสมีชัยท่า คือ อาจารย์ประมาตย์ ปัญญาวโร
ก็เมตตาชวนไปอยู่ด้วย ได้รับความสะดวกสบายทุกอย่าง
ตอนเช้า-ตอนเย็น ก็ลงสวดมนต์ไหว้พระพร้อมพระเณรในวัด ก็ดีไปอย่าง ตอนเช้าพอพระฉันเสร็จ ก็เก็บปิ่นโต ไปรับประทานอาหารในห้องครัว ตอนนี้มีลูกน้อง (แมว) เกือบสิบวิ่งตาม เผลอเป็นคาบเลยทันที ต้องคอยใช้ไม้เรียวเตรียมไว้ ไม่อย่างนั้นเอาไม่อยู่ พอโยนอะไรให้แย่งกัน โตแย่งเล็กวุ่นวายไปหมด
นอกนั้นยังได้รับทราบว่าพวกนี้พากัน ถ่ายตามมุมของศาลาดีนักแล ลานวัดก็กว้าง พระเณรบ่นกันอุบเลย เรื่องขี้แมว (เหม็นหยอกใคร) ผมเองก็ได้กลิ่น จะแก้ปัญหาอย่างไรหนอ?
พอโยนก้างหรือกระดูกให้ครบทุกตัวแล้วก็ลองพูดทีเล่นทีจริงว่า “ต่อไปนี้เอาอย่างนี้นะพวกนะ” “ไม่ต้องแย่งกันจะให้กินจนอิ่มทุกตัว ไม่ต้องวิ่งวุ่น มานั่งรอเลย ไม่ต้องร้อง รู้แล้วว่าหิว” “เรื่องสำคัญต่อไปนี้ ขอร้องอย่าพากันถ่ายบนศาลา ให้พระเณรกวาดเก็บ พวกเราบาปมากนะ”
เขาก็กินของเขาไป เราก็พูดไป โยนอาหารให้ไป พูดทุกวันที่แมวมากิน ระยะหลังต่อมา แมวไม่วิ่งไม่ร้อง มานั่งรอเลย และไม่ปรากฏมีแมวถ่ายบนศาลาเลยครับจนบัดนี้
เดือนตุลาคม ๒๕๓๓ มาพบหลวงพ่อ ได้ฟังหลวงพ่อเล่าก็ยิ่งสนใจเพิ่มขึ้น ผมได้อ่านหนังสือหลวงพ่อเขียนเรื่อง แม่ชีด่าแมว มันก็ยิ่งถ่ายรดให้เช็ด หลวงพ่อบอกให้เลิกด่า บอกเขาดี ๆ แผ่เมตตาให้เขา ตอนหลังปรากฏว่าแมวไม่ถ่ายรดอีกเลย แสดงว่าอย่างไรผู้อ่านคิดเอาเอง
ย้อนไปวัดมีชัยท่า หนองคายอีกที ตอนผมไปอยู่ใหม่ ๆ แมวลงดินไม่ได้เลย สุนัขไล่งับ ผมก็เลยบอกว่า อยู่ด้วยกันให้รักกัน อย่ากัดกัน เราเป็นศิษย์พระ เวลาให้ข้าวสุนัขจะบอกทุกครั้ง สุนัขกับแมวเพื่อนกัน พูดทุกครั้งที่มีโอกาส
ต่อมา ตัวใหญ่ที่เคยไล่ก็ไม่ไล่ ตัวเล็กก็เล่นกันสนุก สุนัขคาบหางแมวลาก บางทีก็คาบคอแมว ถ้าแรงไปแมวก็ตบเอา บางทีสุนัขก็เลียขนให้แมว ดูแล้วก็น่าขันและน่าสงสารมีแต่ลูกกำพร้า เพราะคนเอามาปล่อยทั้งนั้น ความจริง ถ้าคนเราสามารถเข้าใจภาษาของสิ่งแวดล้อม เช่นพืชก็ดี สัตว์ก็ดี สามารถโอนอ่อนผ่อนตามกัน ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันแล้ว ชีวิตคงน่าอยู่กว่าในปัจจุบันนี้
การที่ผมได้มีโอกาสมาพบหลวงพ่อองค์จริง และได้ฟังคำแนะนำแล้ว ผมรู้สึกว่าตนมีความมั่นใจมาก กับสิ่งที่ตัวเองกำลังกระทำอยู่ เช่น ช่วยเหลือสรรพสัตว์ผู้ยากไร้ สวดมนต์ไหว้พระ และแผ่เมตตา ให้แก่เพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บตาย ทั้งหลาย ที่จริงไม่ใช่ของใหม่ แต่เหมือนมีกรรมปิดบังเอาไว้ ผมเองได้รับผลตอบแทนอย่างคาดไม่ถึงและได้ผลทันตาเห็นด้วย รู้สึกสุขใจ สบายใจที่ได้ช่วยงานกับหลวงพ่อประกอบกรรมดีต่อไปเรื่อย ๆ ผมเองมักจะแผ่เมตตาให้ยมบาลเสมอ คืออย่างเพิ่งมารับไปเลย ขอมีชีวิตอยู่เพื่อทำความดี ช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลายอย่างเต็มความสามารถ ผมขอแนะนำหนังสืออ่านเย็นเหมือนใกล้น้ำแข็ง อ่านแล้วท่านจะเข้าใจตนเองมากขึ้น ท่านจะหูตาสว่างขึ้น ผมเองอ่านแล้วถูกโรคผมเหลือเกิน ลองนะครับเผื่อจะดีขึ้น
๑. หนังสือเงากรรม ขณะนี้จากเล่ม ๑-๑๗ แต่ละคนเขียนตามประสบการณ์ตนเอง ส่วนมากเป็นความชั่วของตนเองและได้ผลเป็นอย่างไร เขายอมเล่าเพื่อท่านจะได้ไม่เดินทางตามเขานะครับ เล่มละ ๔๐ บาท อ่านเข้าใจง่าย เพราะมีตัวอย่างประกอบทุกครั้ง เรื่องที่เกิดในชีวิตประจำวันทั้งนั้นครับ
๒. ตายแล้วไปไหน (๓๐ บาท) ผู้เขียนส่วนมากเขียนเรื่องวิญญาณ ก่อนตาย หลังตาย ตายแล้วฟื้นคืนมาเห็นอะไรบ้าง มาเล่าให้ฟัง พระธุดงค์ เล่าเรื่องการผจญภัยในป่า การนำธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปต่อสู้กับอิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ บางคำ บางศัพท์ ก็เป็นทางธรรมชั้นสูง แต่พวกเราธรรมดาก็อ่านได้ครับ ขณะนี้ออกมาได้ ๒๗ เล่มแล้ว
ใครก็ตามที่กำลังกลุ้มใจอยากจะฆ่าตัวตายเพราะแก้ปัญหาไม่ตกก็ดี ผมขออย่าเพิ่งนะครับ เขียน จ.ม.ไปคุยกับผมก่อน บางทีผมอาจช่วยท่านได้ หรือไม่ก็ไปหาหลวงพ่อที่วัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ขอให้ผู้อ่านทุกท่านจงเป็นสุขกาย สุขใจ อย่าได้มีทุกข์กายทุกข์ใจเลย