สติปัฏฐาน ๔ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ให้ฉันเกินกว่าตีค่าเป็นตัวเลขได้
โดย อรวรรณ ตั้งโชคดี
ดิฉันได้อ่านหนังสือกฎแห่งกรรม-ธรรมปฏิบัติบางเล่ม ที่ได้รับความเอื้อเฟื้อจากคุณบุญส่ง อินทวิรัตน์ รวมไปถึง มาบอกให้ฝึกนั่งสมาธิ สวดมนต์ด้วยหนังสือคู่มือสวดมนต์ของวัดอัมพวน สิงห์บุรี ให้ได้ทุกวันเช้าค่ำ แล้วทุกอย่างจะดีเอง
ต่อมาวันที่ ๓-๔ ตุลาคม ๒๕๓๕ อาจารย์นฤมล ว่องไว เป็นหัวหน้ากลุ่ม นำคณะครูอาจารย์ และผู้มีศรัทธาไปกราบหลวงพ่อเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล ที่สิงห์บุรี ดิฉันก็ได้โอกาสติดตามไปด้วยในกลุ่มนี้ และได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อเจ้าคุณฯ ให้เข้าพบทั้งคณะ ให้ศีลให้พร แผ่เมตตาให้ด้วยความกรุณาปราณี ทำให้คณะครูอาจารย์ทั้งหมดที่ไป รวมทั้งดิฉันเอง ในวันนั้นรู้สึกว่า หลวงพ่อเจ้าคุณฯ ให้การต้อนรับเหมือนญาติรู้จักกันมาสักร้อยปี ทั้ง ๆ ที่เพิ่งไปกราบหลวงพ่อเจ้าคุณฯ เป็นครั้งแรกในวันดังกล่าว แม้จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เพราะหลวงพ่อมีเวลาน้อย ติดกิจงานปลุกคนให้ตื่น สอนคนให้เป็นงาน แทบไม่มีเวลาเว้นว่างเลยจริง ๆ
ดิฉันปักใจแน่ว่า ขอกลับมาวัดอัมพวันอีกครั้ง ปฏิบัติธรรมแก้กรรม ๗ วัน ให้จงได้
พอถึงวันจะไปวัดอัมพวันเข้าจริง ๆ วันที่ ๗ พ.ย. ๒๕๓๕ เกิดเหตุขัดข้องหนักหน่วงขึ้นอีก เงินขาดมือ ไม่มีเงินพอจะไป ดิฉันไม่ละความพยายาม สวดมนต์อธิษฐานรำลึกถึงหลวงพ่อเจ้าคุณ พระราชสุทธิญาณมงคล ขอให้ลูกได้ไปปฏิบัติธรรมด้วยเถิด
แล้วอยู่ ๆ ชั่ววันเดียวก่อนไป มีลูกค้ามาอุดหนุนให้ทำผมสารพัดอย่าง ได้เงินพอเหมาะพอดี สำหรับค่าใช้จ่ายจะเดินทางไปกับขบวนรถของคณะครูอาจารย์จากโรงเรียนขามแก่นนคร และโรงแก่นนครวิทยาลัย
แล้วก็เข้าตำรา มารไม่แก่ บารมีไม่กล้า เกิดเหตุเข้ากับดิฉันจนได้ อยู่ได้ ๓ วันเท่านั้น ได้รับเมตตาจากคุณบุญส่ง-คุณพรศรี อินทวิรัตน์ แจ้งผ่านไปทางหลวงพ่อเจ้าคุณฯ วัดอัมพวัน ว่า ด.ญ.วาสนา ตั้งโชคดี บุตรของดิฉัน ที่ฝากยายอยู่ที่มุกดาหาร ป่วยหนักเข้าโรงพยาบาลมุกดาหาร ดิฉันรีบกลับมุกดาหาร โดยหลวงพ่อเจ้าคุณฯ และหัวหน้าแม่ชี วัดอัมพวัน ฝากรถที่จะเข้ากรุงเทพฯ ให้มาต่อรถที่บางปะอิน
พอถึงมุกดาหาร พบบุตรสาวอยู่ในอาการโคม่า อาการขั้นสุดท้าย ดิฉันหมดที่พึ่ง นึกอะไรไม่ออก มืดไปหมด ดิฉันมาโทรศัพท์ทางไกล ร้องไห้โฮโฮพุดกับคุณบุญส่ง อินทวิรัตน์
คุณบุญส่งแนะนำให้รำลึกถึงหลวงพ่อเจ้าคุณฯ วัดอัมพวัน และในเวลาถัดมาเพียง ๑๕ นาที เท่านั้น หลวงพ่อเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล ก็รู้อาการป่วยบุตรของดิฉัน ท่านได้แผ่เมตตาด้วยกระแสบุญบารมี แรงกล้าส่งพุ่งไปถึง ด.ญ.วาสนา บุตรสาวของดิฉันที่มุกดาหาร
ดิฉันใจสั่นขวัญระทึกอยู่ที่มุกดาหาร รำลึกถึงหลวงพ่อเจ้าคุณฯ วัดอัมพวัน ตลอดเวลา ผลปรากฏว่า ลูกสาวของดิฉัน ซึ่งอาการขั้นสุดท้าย ตายไปแล้วนั้น พลันได้รับความช่วยเหลือจากแพทย์ รพ.มุกดาหารสุดฝีมือ สุดความสามารถอีกครั้ง หายใจเฮือก รอดตาย ฟื้นขึ้นมาได้ค่ะ ลูกสาวของดิฉันอายุ ๑๐ ขวบกับ ๑ เดือน รอดตายขึ้นมาอย่างปาฏิหารย์
ดิฉันและสามีนำลูกสาวออกจากโรงพยาบาลมุกดาหาร มารักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์แพทย์ขอนแก่นเรียบร้อยแล้ว ก็กลับบ้าน ตั้งใจจะอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วจะไปเฝ้าลูกสาวต่อไป เพราะเหน็ดเหนื่อยมาหลายวัน แทบจะเดินไม่ไหว พอเปิดประตูเข้าบ้าน ฉับพลันดิฉันก็ขนลุกทั้งตัว น้ำตาแห่งความปลื้มปีติไหลเอ่อคลอเบ้าตา กลิ่นหอมดอกไม้นานาพันธุ์ กลิ่นธูปควันเทียนคลุ้งจรุงหอมชื่น ด้วยกระแสลมที่โบกโชยเข้ามาทางด้านหลังบ้าน ดิฉันพนมมือไหว้รำพึงว่า ขอบคุณคุณแม่กาหลง ลูกทราบแล้วว่า คุณแม่กาหลงติดตามมาดูแลช่วยหลวงพ่อเจ้าคุณฯ วัดอัมพวัน ตลอดเวลา ดิฉันทราบแล้วค่ะ
ดิฉันได้เล่าเรื่องบางส่วนที่ได้สัมผัสกับสติปัฏฐาน ๔ ทางสายเอกของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ดิฉันไปเข้ารับการฝึกฝนมา แม้เพียงชั่วช้างกระดิกหู ก็ให้คุณค่าต่อชีวิตชนิดที่ไม่อาจจะตีค่าเป็นตัวเลขได้ มันหาค่าบ่ มิได้นั่นเองค่ะ ท่านที่ประสบชะตากรรมเลวร้าย มืดแปดทิศแปดทาง อย่างคิดสั้นนะคะ ขอแนะนำว่า ให้ทดลอง ถ้ายังไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ไปลองฝึกปฏิบัติธรรม แก้กรรมด้วยหลักสติปัฏฐาน ๔ ยืน นั่ง เดิน นอน ด้วย มีสติ กำหนดรู้ได้ไล่ทัน แยกแยะให้ออก อันไหนเป็นอดีต อันไหนเป็นปัจจุบัน ทำงานบ้านอยู่ก็ฝึกสติปัฏฐาน ๔ ได้ ทำราชการอยู่ ทำอาชีพใด ๆ อยู่ก็ฝึกสติปัฏฐาน๔ ได้ ทำได้ทุกอิริยาบถ เพราะทางสายนี้เป็นทางสายเอกแท้จริง ทางนี้เดินมาเถิดไม่หลงทางแน่ ขอให้เชื่อมั่น ศรัทธามั่น ตั้งใจมั่นแน่วแน่ มาปฏิบัติธรรมกรรมฐาน แก้กรรมกันที่วัดอัมพวัน สิงห์บุรี วัดนี้ไม่เรี่ยไรบอกบุญ มีแต่ให้และให้และให้ มาเถิดที่นี่ร่มเย็นสันติสุข
อรวรรณ ตั้งโชคดี (สุพร)
๑๘๒/๒๐ ถ.ศรีจันทร์ อ.เมือง
จ.ขอนแก่น ๔๐๐๐๐