พบกายทิพย์หลวงพ่อวัดอัมพวัน

โดย จรวยพร ประสานทอง
(อาจารย์หัวหน้าหมวดสังคมศึกษา โรงเรียนขามแก่นนคร จ.ขอนแก่น)

ลอดชีวิตที่จำความได้ ทั้งสิ่งแวดล้อมในครอบครัว ได้สัมผัสกับคำว่า วัด และการทำบุญกุศลมาตลอด ดิฉันมีจิตใจตั้งปณิธานศรัทธาจิตแน่วแน่ว่า ตลอดชีวิตจักขอบำเพ็ญกุศลปฏิบัติสมาธิภาวนา รักษาศีล ๕ ไว้ให้สุดสติกำลังเท่าที่จะทำได้ และทำประโยชน์ให้กับผู้คนให้ได้มากที่สุด เท่าที่ชีวิตจะหาไม่ขณะเดียวกันก็ฝึกฝนปฏิบัติสมาธิกันมาแบบนั้นนิด แบบนี้หน่อย ด้วยใจรักศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา แต่ยังไม่มีวาสนาได้พบครูอาจารย์ อริยสงฆ์ผู้เป็นพระสุปฏิปันโน เฉกเช่น หลวงพ่อเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล

ต่อมาได้ยินข่าวแทบจะเป็นรายงานประจำวันในวงสนทนาครู อาจารย์ในโรงเรียนขามแก่นนคร ซึ่งพูดถึงแต่เรื่อง การปฏิบัติธรรมตามแนวทางสติปัฏฐาน ๔ ของหลวงพ่อวัดอัมพวัน เมื่อปฏิบัติแล้วได้ผลดีอย่างนั้นอย่างนี้ บรรยายแต่เรื่องที่ดีของวัดอัมพวัน

ดีฉันมีความดีใจ สนใจ และปลื้มใจแทนหลวงพ่อเจ้าคุณฯ ที่เห็นครูอาจารย์จากโรงเรียนขามแก่นนครหลาย สิบชีวิต ผ่านวัดอัมพวัน สิงห์บุรีมาแล้ว เหตุการณ์ในครอบครัวก็ตาม ชีวิตหน้าที่การงาน โดยเฉพาะการทำงานในหน้าที่ประจำวันอย่างมีประสิทธิภาพก็ตาม เกิดประสิทธิผลเป็นบุคคลมีสติสัมปชัญญะ เรียกว่า เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บางคนเคยมีอารมณ์ฉุนเฉียว โกรธง่าย กลับมาแล้วกลายเป็นคนสุขุม เยือกเย็นคล้ายกับว่าทำอะไร มีสติอยู่กับตัวตลอดเวลา

ดิฉันได้รับคำแนะนำจาก อาจารย์สุระพีพรรณ รัตนเกื้อ ให้ได้พบกับคุณบุญส่ง อินทวิรัตน์ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อผู้ที่จะให้ความกระจ่างในเรื่องวัดอัมพวัน โดยเฉพาะหลวงพ่อเจ้าคุณฯ ได้ดี ในใจคิดว่า สักวันหนึ่งจะต้องมากราบนมัสการหลวงพ่อให้ได้ และได้ปรึกษาหารือ กับคุณบุญส่ง เรื่องจะกราบนิมนต์หลวงพ่อมาให้โอวาทแนะแนวทาง การอบรมสั่งสอนในเรื่องการปฏิบัติธรรมตามหลักสติปัฏฐาน ๔ ให้กับยุวชนซึ่งเป็นนักเรียน ผู้ยังไม่เจ้าใจในเรื่องการปฏิบัติ และคำสอนของพระพุทธองค์ โดยการเข้าค่ายปฏิบัติธรรม ถือศีล ๘ เป็นเวลา ๕ วัน ๕ คืน ซึ่งตัวดิฉันเองเป็นผู้รับผิดชอบ

โครงการนี้อยู่ในความควบคุม ดูแลอุปถัมภ์ของท่านผู้อำนวยการโรงเรียนขามแก่นนคร อาจารย์ นพรัตน์ จารย์โพธิ์ ผู้มีเมตตา เปี่ยมล้นต่อกิจกรรมนี้มาโดยตลอด จากนั้น คุณบุญส่งก็รายงานข่าว เรื่องโครงการเข้าค่ายปฏิบัติธรรม ของโรงเรียนขามแก่นนคร ถวายหลวงพ่อเจ้าคุณฯ วัดอัมพวัน พอคร่าว ๆ ขั้นต้น

ดิฉันขอตั้งจิตอธิษฐาน สวดมนต์ นั่งสมาธิ ภาวนาทุกวัน อยากจะมากราบหลวงพ่อ ดิฉันจำได้ว่า

อาจารย์สุรีรัตน์ เดือนฉาย ซึ่งป่วยจากการผ่าตัดมาแล้วไม่หาย ก็มาทำงาน บ่นว่าปวดท้องมาก ไม่รู้จะทำอย่างไร ปวดจนกระทั่งนั่งนอนไม่ได้ อาจารย์สุรีรัตน์ ได้แต่สวดมนต์ภาวนาขอวิงวอนให้หลวงพ่อช่วยเมตตาในอาการเจ็บปวดนี้ให้หาย และสามารถทำงานได้ วันรุ่งขึ้นอาจารย์สุรีรัตน์ก็หายปวด และปรากฏว่า มีโทรศัพท์จากหลวงพ่อเจ้าคุณฯ วัดอัมพวัน ไปถึงโรงเรียนขามแก่นนคร ถามถึงอาการป่วยของอาจารย์สุรีรัตน์ เสมือนหนึ่งเป็นลูกสาว ของหลวงพ่อเอง ดิฉันเป็นผู้รับสายโทรศัพท์แทน เพราะอาจารย์สุรีรัตน์ไปสอนนักเรียน หลวงพ่อเจ้าคุณฯ บอกว่า นี่หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน สิงห์บุรีนะ ถามข่าวถึงอาจารย์สุรีรัตน์ หลวงพ่อบอกว่าได้แผ่เมตตาให้ตลอดคืนให้หายนะ หลวงพ่อเป็นห่วง แล้วดิฉันได้เรียนหลวงพ่อว่า จะบอกให้อาจารย์สุรีรัตน์ทราบ จากนั้นดิฉันก็ได้พูดทางโทรศัพท์กับหลวงพ่อนาน ในเรื่องของการที่จะนำนักเรียนเข้าค่ายปฏิบัติธรรม และเรื่องการฝึกปฏิบัติธรรม พร้อมกันนั้น ก็มีอาจารย์ขนิษฐา สารแสน อาจารย์ เครือวัลย์ คงรักช้าง ก็ตามพูดโทรศัพท์กับหลวงพ่อด้วยความปลื้มปีติมาก คงเป็นบุญของดิฉันที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับหลวงพ่อทางโทรศัพท์ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้าและไม่เคยได้ยินเสียงหลวงพ่อมาก่อนเลย เหมือนกับเทวดามาโปรด ขณะเดียวกันก็ได้กราบนิมนต์หลวงพ่อเป็นประธานในโครงการเข้าค่ายปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านตอบว่า หลวงพ่อไม่ว่าง ภารกิจงานสอนปฏิบัติธรรมให้ญาติโยมมีตลอดเลย แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ดิฉันก็ไม่ละความเพียรพยายาม และก่อนที่ดิฉันจะได้พูดคุยทางโทรศัพท์ จากหลวงพ่อนั้น เหมือนเป็นสิ่งอัศจรรย์มากทีเดียว ดิฉันสวดมนต์ ภาวนาอธิษฐานจิต อยากกราบหลวงพ่อในขณะปฏิบัติสมาธิ ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็มีอาจารย์นภาวรรณ วงศ์เทวราช ได้บอกวิธี โดยจุดธูป ๕ ดอก กลางแจ้ง อธิษฐานขอให้ได้พบหลวงพ่อจรัญ ทำอยู่อย่างนี้หลายคืน จนถึงคืนวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๓๕ เวลา ๒๓.๐๐ น. หรือ ๕ ทุ่มเศษ ดิฉันไหว้พระสวดมนต์ ภาวนา อธิษฐานจิตขอให้นั่งสมาธิสงบลงโดยเร็วและได้กราบนิมนต์หลวงพ่อเจ้าคุณฯ

ขณะที่นั่งสมาธิ จิตกำลังวูบดิ่งลง ได้สมาธินั้นเอง ปรากฏกายทิพย์หลวงพ่อเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล โดยเห็นแน่ชัด แต่อยู่ในเงาวงกลมสลัว ๆ มัดผ้ารัดประคตเอว อย่างเรียบร้อย เหมือนยืนมองดิฉัน และตัวดิฉันเองได้เล่ากราบถวายเรื่องกิจกรรม โครงการเข้าค่ายปฏิบัติธรรมของนักเรียนโรงเรียน ขามแก่นนคร เล่าถวายไป บอกไปพูดไป แต่กายทิพย์ของหลวงพ่อเจ้าคุณฯ ก็เฉย ๆ ไม่ได้ตอบรับ ไม่ได้ตอบปฏิเสธ แต่ยืนเห็นกายทิพย์อยู่นานพอสมควร จึงแว้บหายไปฉับพลัน ดิฉันปลื้มปีติมาก และที่ปฏิบัตินั่งสมาธิมา เคยปรารถนาอยากเห็นกายทิพย์ของหลวงพ่อจรัญ ในกายทิพย์นั้นเป็นบุคคลที่มีรูปร่างสูง ก็ไม่สูงมาก สันทัดไม่อ้วน ไม่ยอม เรียกว่า พอดี ๆ ก็ได้พบแล้ว ได้เห็นจริง สติสัมปชัญญะบริบูรณ์ ไม่ได้ฝัน

พอรุ่งเช้ามาอีกวันก็ได้เล่าเรื่องให้อาจารย์ พเยาว์ รัตนขจรจิต ที่เคยร่วมปฏิบัติด้วยกันมา อาจารย์นงเยาว์ก็พูดว่า หลวงพ่อจรัญมีเมตตามาก ขนาดที่ยังไม่เคยเห็นหน้าท่านเลย พี่ยังได้กราบท่านทางจิต หลังจากพูดคุยกันแล้ว ก็แยกไปสอนนักเรียน รุ่งขึ้นอีกวัน หลวงพ่อก็โทรศัพท์ถามข่าวอาจารย์สุรีรัตน์ เดือนฉาย และตัวดิฉันเองเป็นคนรับสาย หลังจากนั้น เพื่อน ๆ ครูทั้งหลายทราบข่าว ก็พากันมาดีใจ ด้วยที่ได้พูดคุยกับหลวงพ่อ ซึ่งจะเห็นว่าหากบางคนไปถึงวัด ยังไม่ได้กราบ และ พูดคุยเลย เพราะผู้คนมากมาย คงเป็นเพราะบุญของดิฉันเอง

ถึงอย่างไรก็ตาม เมื่อหลวงพ่อจรัญ มีภารกิจ ไม่ว่างในการที่จะไปโรงเรียนขามแก่นนครในโครงการ เข้าค่ายปฏิบัติธรรม ดิฉันก็ได้ปรึกษากับคุณบุญส่ง อินทวิรัตน์ และได้แนะนำว่า อย่าละความเพียรพยายาม ในการปฏิบัติธรรม ฝึกสมาธิ ยึดเส้นทางสติปัฏฐาน ๔ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเข้า ที่หลวงพ่อเจ้าคุณฯ วัดอัมพวัน นำมาเผยแผ่บอกสอนผู้คนอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ซึ่งเป็นสัจธรรมเป็นของจริง ไม่หลอกลวง เป็นของแท้ ขอให้มีความเพียรพยายาม ด้วยความเคารพบูชาในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแน่วแน่ และเชื่อมั่นว่า หลวงพ่อจรัญ คงเมตตาปรานีต่อชาวขามแก่นนคร จะต้องรับนิมนต์มาที่โรงเรียนขามแก่นนคร อ.เมือง จ.ขอนแก่น แม้เพียงช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น เพียงชั่วโมงเดียว ก็ถือว่าเป็นบุญกุศลอย่ามากมายต่อลูกศิษย์ลูกหา เยาวชนซึ่งเป็นนักเรียนที่จะรู้แนวทางการปฏิบัติตามคำสอน ขององค์พระพุทธเจ้า และหวังเป็นอย่างยิ่งในความเมตตาปรานี คงจะรับนิมนต์ โปรดชาวขามแก่นนคร และขอแรงอธิษฐานจิตของเทวดา และศิษย์ ทุกคน ได้วิงวอนไปนิมนต์หลวงพ่อเจ้าคุณฯ วัดอัมพวัน ได้มาจุดแสงสว่างมองเห็นทางเดินไปสู่ความดีความงาม ได้มองเห็นสัจธรรมตามหลวงพ่อไป ได้มีโอกาสพึ่งบุญบารมีของหลวงพ่อ ที่เมตตาต่อชาวขามแก่นนครไม่ขาดสาย หากว่าลูกหลาน ชาวขามแก่นนคร ได้เคยทำบุญกุศล เป็นญาติของหลวงพ่อในภพก่อน ชาติก่อน ขอได้กราบนิมนต์หลวงพ่อจรัญ อีกครั้งหนึ่ง และคิดว่าเมื่อได้ฟังธรรม ได้ปฏิบัติตามแนวทางที่หลวงพ่อได้อบรมสั่งสอนแล้ว เยาวชนและชาวขามแก่นนครทั้งหลาย คงจะมีสิ่งแปลกใหม่ในทางดีขึ้น พ้นทุกข์ตามหลักของสมเด็จ

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เหมือนครั้งพุทธกาลที่ได้ทรงโปรดให้มนุษย์โลกได้รู้ธรรมตามไปด้วย

 

จรวยพร ประสานทอง
ร.ร. ขามแก่นนคร จ.ขอนแก่น

 

ปล. จากการที่ได้รับความเมตตาบารมีจากหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ทำให้ได้แรงบันดาลใจสร้างห้องคลินิกใจขึ้นโดยใช้ชื่อว่า “ห้องแว่นส่องธรรม” เพื่อเป็นสถานที่ศึกษาปฏิบัติธรรม ของ ครู อาจารย์ นักเรียน และบุคคลทั่วไป