พระคุณของเจ้าประคุณหลวงพ่อ
โดย เรณู สีบุญเรือง
อันเนื่องมาจากการสูญเสีย ร.ต.ประจักษ์ สีบุญเรือง สามีผู้เป็นสุดที่รักและทุก ๆ สิ่งของชีวิตดิฉันและลูก
ในตอนใกล้ค่ำของวันอาทิตย์ที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๓๔ มีอุบัติเหตุบนถนนสายองค์รักษ์ – นครนายก ณ จุดที่มีการซ่อมแซมผิวถนนที่ชำรุด ร.ต.ประจักษ์ สีบุญเรือง ได้ขับรถไปส่งลูกชายกลับเข้าโรงเรียนนายร้อย จปร. เพราะมีของหลายอย่างที่ต้องนำไปใช้ที่โรงเรียน โดยมีดิฉันร่วมทางไปด้วยตามปกติ สามคน พ่อ แม่ ลูก คุยเล่นกันตลอดทางอย่างมีความสุข
อุบัติเหตุเกิดขึ้นอย่างกระทันหันโดยไม่มีคู่กรณีบนถนน รถกระแทกลงบนถนน ที่ถูกขุดลึกต่างระดับประมาณ ๒ ฟุต ยางระเบิด รถพลิกคว่ำตกลงในคูน้ำ ผู้ขับขี่เสียชีวิตทันที ดิฉันและลูกชายบาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาล
ผู้ได้รับฟังข่าวนี้ในตอนแรกจะไม่เชื่อหูตนเอง เพราะผู้คุ้นเคยทุกคนต่างรู้ดีว่า คุณประจักษ์เป็นคนรอบคอบ ระมัดระวังในการขับขี่และปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด แม้ในฐานะนักบินพลเรือนก็เป็นคนละเอียดลออ แม่นยำ ในระเบียบปฏิบัติทางการบิน แต่ต้องมาเสียชีวิตเพราะความสะเพร่ามักง่าย ของคนที่ขาดความรับผิดชอบต่อสวัสดิภาพของผู้ใช้รถใช้ถนน เนื่องจากไม่มีป้ายหรือสัญญาณใดๆ บ่งบอกว่ามีการซ่อมผิวถนนในช่วงทางที่กำลังซ่อม ก่อนถึงทางเลี้ยวไปยังโรงเรียนนายร้อย จปร. แต่อย่างใด
ดิฉันผู้เป็นภรรยาพร้อมลูกหญิง ๒ ลูกชาย ๑ และครอบครัว ต้องประสบกับความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงยากจะบรรยายได้ครบถ้วน ในช่วงแรกก็ได้แต่ฟูมฟายน้ำตา พร่ำพรรณนาถึงความดีงามของสามีไม่เป็นอันกินอันนอน สุดจะหักห้ามใจได้
คุณประจักษ์ อดีตรองประธานกรรมการ บริษัท ชาร์ปเทพนคร จำกัด เป็นคนละเอียดรอบคอบในการทำงานทั้งด้านธุรกิจ ด้านสังคม และความสนใจส่วนตัว เช่นการบิน และเป็นผู้ที่เผชิญปัญหาด้วยความนุ่มนวล มีเหตุผล มีเมตตา มีคุณธรรมประจำใจ เป็นบุคคลที่ควรแก่การกล่าวขวัญถึงความดี และเป็นที่ยอมรับอย่างจริงใจ
ในด้านครอบครัวคุณประจักษ์เป็นผู้ที่เปี่ยมด้วยความกตัญญู มีสัมมาคารวะต่อผู้ใหญ่ ยึดมั่นในความถูกต้อง ใจดี อารมณ์เย็น และเป็นผู้ให้ตลอดเวลา เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ลูกหลานบริวารได้พึ่งพิงเป็นที่อบอุ่น โดยส่วนตัวแล้ว ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ หัวใจของดิฉันไม่ได้อยู่ที่ตัวเอง แต่คงอยู่ที่คุณประจักษ์ตลอดเวลา
ในช่วงเวลาของความทุกข์ใจแสนสาหัสนั้น ดิฉันได้รับการชักนำจากญาติทางธรรม ซึ่งนับถือกันเป็นพี่น้องมานานคือ คุณพัชรี คุณแคล้ว ศิษย์ของหลวงพ่อจรัญ (พระภาวนาวิสุทธิคุณในขณะนั้น) ได้พากันไปเยี่ยมดิฉันและลูกชายที่โรงพยาบาลสมิติเวชหลายครั้ง เมื่อออกจากโรงพยาบาลแล้ว ได้นำหนังสือกฎแห่งกรรม ที่หลวงพ่อเขียนบันทึกพิมพ์เป็นเล่ม แจกในงานฉลองสัญญาบัตรและพัดยศ “พระภาวนาวิสุทธิคุณ” ในวันเสาร์ที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๓๒ มาผ่อนคลายความทุกข์ ดิฉันอ่านไม่จบเล่มต้องการไปกราบหลวงพ่อโดยด่วน เพราะหมดกำลังกายกำลังใจ ต้องการที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยว คุณพัชรีและคุณแคล้วได้พาดิฉันไปตามที่ใจปรารถนา
วันนั้นดิฉันแต่งชุดสีดำนั่งกอดกรอบรูปสามีร้องไห้รอพบหลวงพ่อด้วยใจจดจ่อ เช่นเดียวกับผู้มีจิตศรัทธาทั่ว ๆ ไปเป็นจำนวนมาก ดิฉันได้กราบหลวงพ่อพร้อมกับคุณประจักษ์ในภาพถ่าย เมื่อเงยหน้าขึ้น หลวงพ่อมองด้วยความเมตตาอยู่สักครู่ ก็ขอภาพถ่ายคุณประจักษ์ไปเพ่งพิจารณาดู ท่านพูดว่า “ไม่ต้องเสียใจ ท่านผู้นี้จากไปดี เทวดาเอาราชรถมารับไปทันทีที่เกิดเหตุ ไปจุติเป็นเทพ และติดตามโยมไปทุกหนทุกแห่ง เพียงแต่อยู่กันคนละภพละชาติ” และกล่าวถึงคุณประจักษ์เหมือนที่ดิฉันได้พรรณนามาแล้วข้างต้น โดยที่หลวงพ่อไม่เคยรู้จักดิฉันและสามีมาก่อนเลย
บทสรุปที่ยืนยันได้ตรงกับความเป็นจริง ตามเหตุการณ์ที่เกิดอุบัติเหตุ หลวงพ่อกล่าวว่า “คุณประจักษ์เสียชีวิตทันทีก่อนรถตกลงไปในน้ำ” ตรงกับแพทย์ได้ผ่าตัดทำการพิสูจน์ศพ แล้วบันทึกไว้ในใบแจ้งเหตุ คือหัวใจวายก่อนรถตกลงไปในน้ำ “ไม่มีการบาดเจ็บเสียเลือดเนื้อฟกช้ำแต่อย่างใด เหมือนคนนอนหลับ นับได้ว่าเป็นผู้มีบุญ สร้างบุญสร้างกุศลไว้มาก บุญล้นบุญเหลือ โยมไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น ไม่ได้อยู่ตรงที่เกิดเหตุไปจุติเป็นเทพแล้ว ไม่ต้องคอยบุญจากญาติโยม แต่ถ้าทำแล้วสบายใจก็ทำบุญให้เขาต่อไป จะได้เพิ่มพูนบุญให้สูงยิ่ง ๆ ขึ้น” ดิฉันนั่งฟังหลวงพ่อพูดถึงคุณประจักษ์ด้วยความตั้งใจ น้ำตาแห้งหายไปพร้อมกับการฟังธรรมจากหลวงพ่อหลวงพ่อ
หลวงพ่อเป็นพระปฏิบัติที่มีเมตตาสูง สั่งสอนให้ดิฉันเห็นว่าการต้องพลัดพรากจากคนที่รักเป็นธรรมดาโลก ให้ใช้สติและปัญญาแก้ปัญหาชีวิต ก่อนกราบลาหลวงพ่อในวันนั้น ดิฉันกราบนมัสการนิมนต์หลวงพ่อไปโปรดดิฉันและลูกหลานบริวารที่บ้าน เพื่อเป็นสิริมงคลเป็นที่ยึดเหนี่ยวแก่เราในโอกาสต่อไป หลวงพ่อได้เมตตาให้คุณพัชรี คุณแคล้ว พามาโปรดดิฉันถึงบ้านตามคำขอ ระหว่างที่ศพคุณประจักษ์ ยังตั้งสวดพระอภิธรรมทุกคืนวันเสาร์ที่วัดธาตุทอง เพื่อรอพระราชทานเพลิงศพหลังจากเสียชีวิตร้อยวัน หลวงพ่อมาที่บ้านครั้งแรก ก่อนไปวัดธาตุทอง คุณประจักษ์ไปปรากฏให้เห็นที่บ้านคุณพัชรี คุณแคล้วกราบนิมนต์หลวงพ่อไปที่บ้าน ก่อนจะนำทางไปไม่ให้รถติดและไปทันเวลาที่วัดตามกำหนดการ หลวงพ่อบอกดิฉันว่ารถไม่ติดจริง ๆ จากรามอินทรา กม.๔ ถึงสุขุมวิทซอย ๘ เพียง ๓๕ นาที เท่านั้น เป็นเรื่องที่แปลกแต่จริง ที่บ้านดิฉัน หลวงพ่อชี้ที่ ๆ คุณประจักษ์เคยนอน เคยนั่ง เป็นห้องทำงานส่วนตัว ยามพักผ่อนอิริยาบถได้ถูกต้อง ท่านพยักเพยิดเหมือนพูดคุยกับคุณประจักษ์ตลอดเวลา ท่านมาร่วมงานฟังสวดพระอภิธรรมถึงสามครั้ง ทุกครั้งจากวัดแล้วจะย้อนกลับไปเทศน์ที่บ้านให้ดิฉันและลูกหลานบริวารญาติมิตรได้พบความสว่างเป็นสุขใจ อบอุ่นใจ มีกำลังใจที่จะอยู่ไปให้ได้เพื่ออนาคต เมื่อถึงกำหนดวันพระราชทานเพลิงศพก่อนหนึ่งคืน หลวงพ่อได้มาร่วมฟังพระอภิธรรมพร้อมมอบผ้าไตรและเงิน จำนวน ๕,๐๐๐ บาท เพื่อร่วมทำบุญ เพราะตามกำหนดการ หลวงพ่อมาไม่ได้ติดงานทอดกฐินที่วัด เพียงเท่านี้ก็เป็นพระคุณเป็นบุญ เป็นกุศลแก่คุณประจักษ์ ดิฉันและลูก ๆ อย่างสูงยิ่ง
การสูญเสียสามีอันเป็นที่รักยิ่งไปอย่างกระทันหัน ทำให้ดิฉันปรับใจให้หายเศร้าโศกได้ยาก แต่เมื่อได้พบหลวงพ่อ มีความรู้สึกว่าหลวงพ่อมีญาณล่วงรู้ถึงความทุกข์ในใจของเรา ท่านช่วยให้เบาใจ สบายใจขึ้นมาก มีกำลังใจ ตั้งสติได้ แม้จะยังเศร้าใจ แต่พอทนกับความทุกข์ได้ดีขึ้น พยายามปฏิบัติตามคำสอนของหลวงพ่อ ทำให้ใจเข้มแข็ง หลวงพ่อบอกว่า คุณประจักษ์เป็นผู้ประกอบกรรมดี เมื่อจากไป ย่อมไปเกิดในภพภูมิที่ดีกว่าเดิม สามารถบำเพ็ญบุญยิ่ง ๆ ขึ้นไป ตัวดิฉันมีหน้าที่ต้องเป็นหลักให้ลูกทั้งสามคน นำชีวิตลูกให้เจริญก้าวหน้าต่อไป
หลวงพ่อได้สั่งสอนลูกสาวทั้งสองโดยเฉพาะกับลูกสาวคนที่สอง ซึ่งกำลังจะเดินทางไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา ให้มานะพยายามให้สำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ มีคำขวัญว่า “ยากแท้แต่ไม่เคย เมื่อเคยแล้วทุกอย่างจะง่าย” หลวงพ่อสอนให้สวดมนต์ไหว้พระ ภาวนา และสัญญาว่าจะส่งพลังไปช่วยเพื่อเป็นกำลังใจ ขณะนี้ได้เรียนจบชั้นปริญญาโท กลับมาประกอบอาชีพในเมืองไทยแล้ว เอาจดหมายหลวงพ่อใส่กรอบตั้งไว้บูชาที่หอพระ
ส่วนลูกชายคนเดียว นนร.ชโยดม สีบุญเรือง หลวงพ่อให้กำลังใจ ให้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนสมกับที่ “ป๋า” ให้กำลังใจและสนับสนุนเต็มที่มาแต่แรกที่ขอเรียนทางนี้ แทนที่จะสืบทอดทางธุรกิจตามบรรพบุรุษ หลวงพ่อให้สูตรของความสำเร็จสั้น ๆ ว่า “อดได้ ทนได้ ช้าได้ รอได้ ได้ดี” ขณะนี้ลูกชายคนที่เรียนอยู่ชั้นปีที่ ๔ ของโรงเรียนนายร้อย จปร. ใกล้จะสำเร็จการศึกษาตามที่ตั้งใจไว้
หลวงพ่อมีอุบายในการสั่งสอนผู้มีทุกข์ให้เหมาะกับอุปนิสัยของบุคคล เช่นในระยะต้น ๆ หลวงพ่อจะให้คติธรรมสั้น ๆ เพื่อบรรเทาทุกข์และเหมาะสม แต่เมื่อมีโอกาสได้เข้ากรรมฐาน หลวงพ่อจะอบรมถึงแก่นของธรรม ให้เจริญสติปัฏฐาน ๔ เป็นการแก้ปัญหาชีวิตตามรอยพระบาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
หลวงพ่อมีพระคุณต่อครอบครัวของเรามาก ดิฉันเคยเข้าพักทำกรรมฐานในวัดอัมพวันครั้งแรก ๗ วัน ทำเพื่อคุณประจักษ์ หลวงพ่อบอกว่าเป็นทางเดียวที่จะส่งบุญกุศลไปถึงคุณประจักษ์โดยตรง จากการสวดมนต์เจริญภาวนา ภายหลังได้พาลูกสาวคนที่สอง น้องสะใภ้กับลูกชายพร้อมญาติมิตรของสามีเข้าวัดหลวงพ่อ เพื่อพัฒนาจิต จากการเจริญภาวนา ทุกคนประสบความสุขใจสุขกาย เมื่อได้ปฏิบัติกรรมฐาน ได้ฟังธรรมจากหลวงพ่อ ได้รับความเมตตาจากแม่ใหญ่ และแม่ชีซูง้อ และได้ยึดคำสอนของหลวงพ่อเป็นแนวทางปฏิบัติในชีวิต
ยิ่งได้พบได้ใกล้ชิดหลวงพ่อยิ่งทวีคูณความศรัทธา ความผูกพัน ดิฉันขอกราบแทบเท้าหลวงพ่อของทุก ๆ คน แต่เป็นเจ้าคุณพ่อในดวงจิตของดิฉันและลูก ๆ ตลอดจนกว่าชีวิตจะหาไม่
เรณู สีบุญเรือง (๒๑ กรกฎาคม ๒๕๓๗)
วันทำบุญครบรอบ ๓ ปี คุณประจักษ์ถึงแก่กรรม
หมายเหตุ
คุณยายแม่ชีจันทร์ ขนนกยูง (วัดธรรมกาย) ศิษย์เอกหลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ บอกกับดิฉันเมื่อ คุณประจักษ์เสียชีวิตครบ ๗ วัน ว่าสถิตอยู่ชั้นดาวดึงส์ ต่อมาภายหลัง เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๓๖ หลวงพ่อบอกดิฉันว่าคุณประจักษ์อยู่ชั้นพรหมแล้ว สบายใจได้แล้วนะ ท่านที่สนใจเรื่องนี้ได้โปรดติดตามความเป็นไปจากหลวงพ่อ