อนุสรณ์แด่ คุณลุงวัง น้ำดอกไม้
โดย จันทิมา ทองสัมฤทธิ์
ข้าพเจ้า นางจันทิมา ทองสัมฤทธิ์ ศึกษาจบวิชาพยาบาลชั้นสูงจากต่างประเทศ โดยได้ทุนจากประเทศนั้นช่วยเยาวว์วัยย่างวัยรุ่นใช้ชีวิตในต่างประเทศหลายปี ครั้นกลับมาเมืองไทยอายุ ๒๔ อย่าง ๒๕ คิดตามประสาวัยเพ้อฝันว่าตัวเรานั้นหน้าตาดี ความรู้มี ตำแหน่งงานก็น่าสนใจ ใช้ชีวิตแบบตามใจตัวเอง ศีล ๕ ข้อมีเรียนมาตอนเด็กๆ ก็ท่องได้แต่มิได้ปฏิบัติ ส่งภาพวาดในหัวข้อ “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” ชนะเลิศ ๒ ปีซ้อนทางด้านความคิด ข้อความเหล่านั้นก็เหมือนอยู่ในภาพเฉยๆ
ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๓๖ ล่วงเข้าวัยกลางคน มีความทุกข์ใจหนักหนา ปัญหานี้แก้ไม่ตก คิดเองว่าต้องลองถือศีล ๕ สัก ๒ อาทิตย์ดู คงจะทุเลาลงบ้าง ถือศีล ๘ มาก็ ๑๐ กว่าวันแล้ว ความทุกข์ก็ไม่หาย หน้าตาก็หม่นหมอง จึงไปหาเพื่อนที่วัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์ วันนั้นเป็นวันพระระหว่างนั้นมีสุภาพบุรุษผู้ใจดีมากับพระ ๑ องค์ นิมนต์พระมาฉันน้ำปานะ ข้าพเจ้ารีบเข้าไปบอกว่า “ขอประเคนนะคะขอถวายน้ำปานะนี้” สุภาพบุรุษใจดีผู้นั้น ตอนหลังทราบว่าท่านชื่อ พันเอกแสง สมบุญ ท่านหยิบหนังสือให้ข้าพเจ้าเล่มหนึ่ง เป็นหนังสือสวดมนต์ของท่านเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี พันเอกแสง สมบุญ (อนุศาสนาจารย์) ถามชื่อข้าพเจ้าและบอกว่า “วันนี้เป็นวันพระนะ ได้ถวายน้ำพระเอ้านี่ ผมให้หนังสือสวดมนต์เล่มหนึ่งไว้สวดแวลามีทุกข์ ถ้าสวดเป็นประจำได้ก็ยิ่งดี”
แหม! หนังสือพระอีกแล้ว ข้าพเจ้ารับมาอย่างเสียไม่ได้ ฉับพลันนั้นข้าพเจ้าก็หันไปถามพันเอกแสง และพระคุณเจ้าองค์นั้นว่า “สวดมนต์แล้วแก้ควาททุกข์ได้จริงๆหรือ” พระคุณเจ้าองค์นั้นพร้อมกับพันเอกแสง สมบุญ ตอบพร้อมๆกันว่า
“แก้ความทุกข์ได้ สวดบทนี้สิ” ข้าพเจ้าจึงพลิกหนังสือเล่มนั้นดูอีกอย่างละเอียด บังเอิญว่าหนังสือเล่มนั้น มีตัวอย่างคนมีความทุกข์อย่างเดียวกับข้าพเจ้า เขาผู้นั้นได้สวดมนต์บท พุทธคุณ พาหุง มหากาฯ เท่าอายุบวกหนึ่ง เช่นอายุ ๔๒ ปี ให้สวด ๔๓ จบ ปัญหาของเขาผู้นั้นก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
อนิจจา หลวงพ่อวัดอัมพวันต้องช่วยเราได้แน่นอนแต่พระคุณเจ้าเป็นใครกันเล่า เราไม่เคยรู้จัก อยู่ไกลถึงสิงห์บุรี ข้าพเจ้ารีบค้นหาเบอร์โทรศัพท์ สืบทราบแล้วท่านยังมีชีวติอยู่ คิดว่าท่านเป็นพระหมอดูแน่ๆ เลยจะไปดูหมอกับท่าน แต่ข้าพเจ้าหมุนเบอร์โทรศัพท์วัดอัมพวันผิด ไปติดบ้านชาวบ้านในละเวกนั้น ชาวบ้านเจ้าของโทรศัพท์นั้นได้บอกว่า “หลวงพ่อท่านไม่ใช่หมอดู เป็นวัดปฏิบัติ” จึงไปเพื่อจะพบเราก็มีเงินถวาย รีบไปหาหลวงพ่อดีกว่า ไปถึง ๒-๓ ครั้งก็ไม่ได้พบง่ายๆ แต่ว่าได้ทานข้าวจากวัดของท่านฟรีๆอีก โอ้โฮ! ท่านไม่เอาสตางค์ อร่อยเสียด้วย ครั้นเข้าห้องน้ำ ห้องน้ำก็มากมายขัดล้างสะอาดรู้สึกแปลกใจ เตร่มาที่หน้ากุฏิหลวงพ่อเห็นหนังสือกฎแห่งกรรม ซื้อมาอ่าน ยามมีทุกข์ก็นอนอ่านหนังสือเหล่านี้ มีความรู้สึกว่า สวดมนต์แล้วต้องปฏิบัติอีก มีความสงสัยว่าทำไมถึงต้องปฏิบัติธรรม และหนังสือก็สนุกมาก สนุกกว่านวนิยายไหนๆเสียอีก เพราะเป็นนวนิยายชีวิตจริงทั้งสิ้น กลับมาวัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรีอีก ก็ยังไม่ได้พบหลวงพ่อ มีคนแนะนำให้ไปหาคุณแม่ใหญ่ ไปเล่าความทุกข์ให้ท่านฟัง คุณแม่ใหญ่ท่านพูดคำเดียวว่า ข้าพเจ้าต้องมาปฏิบัติธรรม นึกในใจว่ามาก็มา เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัดแล้วเราจะทำได้หรือเปล่าหนอ!
ระหว่างปฏิบัติธรรมต้องใช้ความอดทนสูง มาครั้งแรกก็ทำผิดๆ ถูกๆ ผิดเสียเป็นส่วนใหญ่ มาปฏิบัติธรรมก็แค่ ๓ วัน รู้สึกเราหลุดมาอยู่อีกโลกหนึ่ง มันเงียบสงบ ข้อสำคัญมีความสบายใจมาก ทุกคนที่วัดอัมพวันให้ความเมตตาต่อข้าพเจ้ามาก มีคนเข้าใจเห็นเอกเห็นใจ ระหว่างนี้ได้รู้จักและรับความเมตตาจาก คุณลุงวัง น้ำดอกไม้ ท่านมาช่วยหลวงพ่อหุงข้าวเลี้ยงแขกเหรื่อ หลังจากที่ข้าพเจ้าลาศีลเสร็จแล้ว คุณลุงวัง จะมีน้ำใจซื้อของให้ข้าพเจ้ากลับกรุงเทพฯด้วยและเรียกข้าพเจ้าว่า “ลูกสาว” ทุกคนในวัดคอยให้กำลังใจข้าพเจ้าเป็นอย่างดี และเรียกข้าพเจ้า “ลูกสาวปู่วัง” ช่วงนี้ข้าพเจ้ากลับมาบ้านก็สวดมนต์บทของหลวงพ่อ และปฏิบัติธรรม หลวงพ่อบอกว่าวันธรรมดาต้องถือศีล ๕ วันพระต้องถือศีล ๘ ทุกๆอย่างเราต้องช่วยตัวเราเอง ทำให้ข้าพเจ้ามีความมุมานะพยายามทำเช่นนี้ทุกวันมิได้เว้น หลวงพ่อบอกว่าต้องทุกๆวัน นอกจากนั้นยังได้คำสอนจากท่านมาหลายอย่าง เช่น เวลาจะให้ของใครต้องให้ของดีๆ, อย่าใช้ความรุนแรงกับลูก อย่างร้องไห้ให้ลูกเห็นเดี๋ยวลูกหมดกำลังใจตั้งหน้าตั้งตาเลี้ยงลูกให้ดีแล้วลูกเราจะดีเอง, วันเกิดเราต้องเลี้ยงแม่ให้อิ่ม และอีกหลายๆอย่าง พ่อแม่ของเรายังไม่เคยสอนละเอียดแบบนี้เลย แต่หลวงพ่อท่านสอนละเอียดมาก ข้าพเจ้าเอาสมุดไปจดระหว่างท่านเทศน์ แล้วกลับมาอ่าน ลึกซึ้งสุดที่จะเปรียบได้
ข้าพเจ้านั่งนับวันนับคืน จากเดือนเกือบปีแล้วที่สวดมนต์ และปฏิบัติธรรม ความทุกข์ก็ออกจากข้าพเจ้าไปที่และน้อย จนปัจจุบันข้าพเจ้าก็สบายใจขึ้นมาก ปัญหาต่างๆก็ค่อยๆแก้ไขได้ อยากจะบอกคุณลุงวัง น้ำดอกไม้ ว่า “หนูสบายใจขึ้นแล้วค่ะ” ท่านก็มาจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เหลือคุณงามความดีไว้คู่กับวัดอัมพวัน ถ้าคุณลุงวังรู้ว่าในงานฌาปนกิจคุณลุงวัง ถึงแม้หลวงพ่อท่านจะอาพาธก็อุตส่าห์พูดออกเครื่องขยายเสียงว่าคุณลุงวังเป็นคนอารมณ์ดี มีเมตตาถึงตัวจะไปแต่ความดีเหลือไว้ “คุณลุงคะ หนูทราบแล้วคะว่าที่หลวงพ่อให้สวดมนต์และปฏิบัติธรรมนั้น ทำให้หนูสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้ด้วยปัญญา” ทำให้เกิดประโยชน์ดังนั้
- ลูกที่เคยไม่ยอมเรียนก็กลับมาเรียน (วิชาชีพ) อีกเพียงปีเดียวก็ใกล้จะจบ และเลิกคบกับเพื่อนที่ไม่ดี
- แม่สามีที่เคยมาว่าให้ช้ำใจ ก็ให้ความเมตตาเรามากขึ้น
- สามีเกิดความไม่สบายใจในบ้านไปกินเหล้า ติดนักร้อง หมอนวด มีหนี้สิน บัดนี้สามีก็ตั้งหน้าทำมาหากินแล้ว มีความรับผิดชอบต่อครอบครัวมากขึ้น
- ตอนนี้หนูมีกิจการเล็กๆ ส่วนตัว ที่ทำมาหากินตามความรู้ที่เรียนมาด้วยความถูกต้องแล้วค่ะ
ทั้งหมดนี้ นอกจากท่านเจ้าคุณหลวงพ่อพระราชสุทธิญาณมงคล และคุณแม่ใหญ่แล้ว ขอทราบเท้าขอบพระคุณทุกๆคนในวัดอัมพวัน ตลอดจนพันเอกแสง สมบุญ พระคุณเจ้าที่มากับพันเอกแสง สมบุญ ในวันนั้นด้วย และคุณงามความดีนี้ขอน้อมเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่คุณลุงวัง น้ำดอกไม้ ผู้มีพระคุณต่อข้าพเจ้าผู้ที่ได้รับสมญานามว่า “ลูกสาวปู่วัง”