ลูกแก้ว ลูกขวัญ
โดย ด.ช. วิวรรธน์ เหตระกูล
กระผมเป็นลูกคนกลางของครอบครัว ที่บ้านเรามีด้วยกัน ๗ คน มีพี่สาวอายุ ๑๖ ปี น้องชายอายุ ๖ ปี ตัวกระผมอายุด ๔ ปี คุณแม่คุณพ่อ คุณยายอายุ ๘๘ ปี และ คุณตาอายุ ๙๒ ปี ไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะการเป็นลูกคนกลางหรือไม่ที่ทำให้รู้สึกว่ามีความกดดันในใจเสมอ ความสนใจ ที่ได้รับคือการถูกว่ากล่าวติเตียน หรือถูกกล่าวหาอย่างไม่ยุติธรรมตามความคิดของกระผม ทำให้กระผมกลายเป็นเด็กเก็บตัวไม่ค่อยพูดจา ไม่มั่นใจในตัวเอง เพราะรู้สึกว่าทำอะไรพูดอะไรไม่เป็นที่พอใจหรือสนใจนัก สู้เราเงียบไว้ดีกว่า และช่วงวิกฤตในชีวิตกระผมก็มาถึง เมื่อครูพิเศษไม่มีเวลาว่างมาสอนต่อไป คุณแม่เป็นผู้ดูแลต่อมา คุณแม่ของกระผมเป็นผู้ที่ทุ่มเทชีวิตให้กับลูกๆ ท่านพูดกับพวกเราเสมอว่า “แม่มีชีวิตอยู่เพื่อลูกรัก และสมบัติที่แม่จะให้ไว้ซึ่งไม่มีวันหมด คือความรู้ ขอให้พยายามตั้งใจเรียนหนังสือ ความสำเร็จในชีวิตก็จะตามมาเอง เงินทองก็ตามมาเองเหมือนกัน” ผมก็รู้ว่าจะต้องเครียดกับการเรียนขึ้น อีกแน่ๆ เพราะคุณแม่ย่อมต้องการสิ่งที่ดีที่สุด สมบูรณ์ที่สุด ให้เกิดขึ้นกับการเรียนของกระผมแน่นอน แต่กระผมไม่ใช่คนหัวไว แถมจะซึมลึกจนดูเป็นคนดื้อเงียบ คุณแม่ถึงกับลางานมาติวให้กระผมเมื่อถึงเวลาสอบ สอบครั้งแรกนี้กระผมประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ และเริ่มรู้ว่าตัวเองยังมีคุณแม่ที่เอาใจใส่ด้วยความรักอย่างไม่ลำเอียง และ รู้สึกว่ามีคุณค่าในชีวิตบ้าง แต่เมื่อถึงการสอบครั้งต่อไป คุณแม่ไม่มีเวลาว่างมาดูแลกระผม ท่านสั่งให้กระผมดูหนังสือเอง ผลปรากฏกระผมจำอะไรไม่ได้เลย เพราะตัวเองไม่เคยรู้ว่าจะดูยังไง ตรงไหน อับจนทั้งสติและปัญญาเหตุการณ์ครั้งนั้นกระผมไม่สามารถลืมได้ วันที่คุณแม่ร้องไห้เสียใจผิดหวังในตัวกระผม คำว่ากล่าวสั่งสอนในครั้งนั้นมันกระแทกความรู้สึกของกระผมจนต้องร้องให้เสียใจอย่างมาก เสียใจที่คุณแม่เข้าใจเราผิด เสียใจที่ทำให้คุณแม่เสียใจ แต่กระผมก็ได้แต่นิ่งเงียบ ไม่มีการแก้ตัวใดๆ คุณแม่บอกกระผมว่าโลกของแม่มืดเสียแล้ว ท่านบอกว่ากระผมเป็นลูกที่ท่านห่วงมากที่สุด และหลังจากนั้นคุณแม่ดูเงียบซึมไป ซึ่งแปลว่า มีปัญหาที่ท่านยังแก้ไขไม่ได้ พี่น้องของกระผมเป็นเด็กหัวดี ช่างพูด ทำให้ใครเห็นใครชอบ ใครรัก แต่กระผมก็ไม่สนใจแล้ว เพราะรู้ว่า มีคุณแม่ที่ให้ความรักแก่กระผมเสมือนน้ำใสที่เต็มเปี่ยมปากแก้วเมื่อใดที่กระผมถูกติเตียนหรือท้อถอย คุณแม่ก็จะคอยพูดให้กำลังใจโดยบอกว่า “แม่รู้ว่าลูกของแม่ต้องเป็นเด็กดีแน่ไม่งั้นก็ไม่ใช่ลูกแม่ซิ และแม่ต้องพยายามค้นให้เจอเร็วที่สุด เพื่อคนอื่นเขาจะได้เชื่อถือ”
คุณแม่พยายามสืบหาครูพิเศษที่เก่ง ๆ เพื่อมาสอนกระผม และนี่คือจุดเริ่มต้นของการได้รู้จักวัดอัมพวันอาจารย์พรใจ คืออาจารย์พิเศษวิชาคณิตศาสตร์ของกระผม ท่านเป็นศิษย์วัดอัมพวัน และไปปฏิบัติธรรมที่นั่นเสมอ อาจารย์มาสอนที่ไรก็ต้องเล่าความดีของหลวงพ่อจรัญ ท่านเจ้าอาวาส ถึงการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ สั่งสอน ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน และเมื่อท่านเทศน์โปรดเมื่อใดพวกลูกศิษย์ก็จะได้รับคำตอบแก้ปัญหาได้ทุกคน เพราะ ท่านจะพิจารณาเรื่องที่เทศน์ได้จากวาระจิตของผู้ที่มาเฝ้าคอยท่านอยู่ แล้วท่านก็จะเทศน์โปรดโดยไม่มีการเตรียม ก่อนล่วงหน้าแต่อย่างได เมื่อมาฟังบ่อยๆ สนิมในใจหนามในใจ ความไม่ดีทั้งหลาย เริ่มถูกขัดเกลา ทำให้จาก ร้ายกลายเป็นดี บางคนศรัทธาถึงกับบวชเนกขัมมะที่วัด ซึ่งหลวงพ่อได้สร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมอันสมบูรณ์ยิ่ง ท่านเชื่อว่า ความสะดวกสบายย่อมทำให้จิตสบาย ผู้ปฏิบัติย่อมทำได้เต็มที่ เวลาอาจารย์พรใจเล่า คุณแม่และกระผมจะมีความสุขที่ได้ฟัง สิ่งดีๆ ต่างๆ ของหลวงพ่อจรัญและวัดอัมพวัน และจุดสำคัญอีกจุดหนึ่งก็คือการบรรพชาสามเณรของลูกชายอาจารย์เอง ซึ่งได้มีโอกาสเกิดใหม่มีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น จากโครงการบรรพชาสามเณรใจเพชรของ ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยฯ โดยมีคุณอนุรุธ ว่องวานิช เป็นนายกสมาคม
โครงการนี้ เป็นโครงการในช่วงปิดเทอมใหญ่อาจารย์ได้เล่าว่าเด็กที่ได้เข้าร่วมโครงการจะเป็นลูกคนใหม่ที่ดีขึ้น จะมากหรือน้อย ก็ตามแต่บารมีเด็กแต่ละคน คุณแม่ได้โทรฯ ไปถามรายละเอียด แต่พอดียังไม่ถึงเวลาจัดโครงการ คุณแม่และกระผมเริ่มอยากรู้จักหลวงพ่อจรัญและวัดอัมพวัน ด้วยตัวเองยิ่งขึ้นทุกที และในที่สุดบุญกุศลเก่าของกระผมก็ตามมาทัน เมื่อทางโรงเรียนอัสสัมชัญที่กระผมศึกษาอยู่ ได้ประกาศรับสมัครนักเรียนเข้าร่วมโครงการสามเณรใจเพชรเฉลิมพระเกียรติ กระผมรีบสมัครเข้าร่วมโครงการอย่างไม่ลังเล ด้วยความอยากเป็นลูกคนใหม่ที่ถูกใจทุกคนในครอบครัว มีชีวิตที่สวยงามสว่างไสวเหมือนการประดับประดาดวงไฟเฉลิมฉลอง และเพื่อคุณแม่ที่เคารพรักของกระผมจะไม่อยู่ในโลกมีดอีกต่อไปกระผมต้องไปฝึกปฏิบัติตัวทดสอบความพร้อมที่ยุวพุทธฯ ก่อนเป็นเวลา ๗ วัน โดยไม่มีการติดต่อกับโลกภายนอกและทำให้เข้าใจทันทีว่าทำไมผู้ที่ได้บรรพชาแล้วเมื่อสึกออกมาจึงเป็นลูกแก้วลูกขวัญเป็นคนดีขึ้นได้ ผู้ไม่พร้อมหรือไม่ได้สมัครใจแล้วย่อมไม่ผ่านพ้นความกดดันช่วงเตรียมความพร้อมแน่นอน เพราะเราต้องตื่นตีสามครึ่ง สวดมนต์ทำวัตรเช้า เดินจงกรม นั่งสมาธิ ครั้งหนึ่งๆ จะไม่ต่ำกว่า ๒ ชั่วโมง วันหนึ่งปฏิบัติประมาณ ๘ ชั่วโมง ภายใต้การควบคุมของหัวหน้าโครงการคือ คุณมณเธียร ธนานาถ บุคคล ท่านนี้สมควรได้รับการยกย่องสรรเสริญในความดี ความเสียสละ ความตั้งใจจริง ความเพียรพยายาม ที่จะขัดเกลาความดิบแห่งชีวิตให้กลายเป็นเพชรเจียรไน ซึ่งเป็นพรสวรรค์และบารมีของคุณมณเธียรที่ทำสำเร็จ สร้างศรัทธาให้เกิดขึ้นกับพวกกระผมต่อพระพุทธศาสนา เพื่อการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบเมื่ออยู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตเมื่อเข้าใจแก่นแท้และความเป็น สุดยอดของศาสนา คุณสมบัติพิเศษและน่ายกย่องสรรเสริญในการกระทำซึ่งไม่คิดว่าจะมีใครทำได้เสมอเสมือนแม้แต่หลวงพ่อจรัญก็ได้ประทานความเมตตา ยกย่อง ในการกระทำซึ่งไม่มีใครทำได้ ท่านจึงขนานนามว่า “มณ
เธียรทอง”
กระผมได้บรรพชาสองครั้ง ครั้งแรกกระผมรู้ตัวว่ายังปฏิบัติได้ไม่เต็มที่ เพราะมีแต่เพื่อนๆชาวอัสสัมชัญทั้งหมดและถูกส่งไปอยู่ศูนย์ปฏิบัติธรรมเวฬุวัน จ.ขอนแก่น คุณมณเธียรต้องสละเวลาของครอบครัว ซึ่งมีลูกเล็กๆ ถึง ๓ คน ไปคอยดูแลสั่งสอนพวกกระผม และมีพี่เลี้ยงซึ่งก็คือผู้ที่เคยบรรพชาในโครงการมาแล้ว ต้องการมาช่วยพี่มณเธียรอีก ๔-๕ คน พวกเราบรรพชาอยู่ ๓ อาทิตย์ และ สิ่งดีที่ได้มาคือมีสติขึ้น รู้อะไรผิดอะไรถูก รู้สึกซาบซึ้งในพระคุณของคุณตาคุณยาย และได้ก้มกราบด้วยความเคารพเปรียบประดุจมารดาบิดาที่สองของกระผม และที่สำคัญที่สุดคือ กระผมสามารถดูหนังสือเองได้ และจำได้ดีคิดหวังสิ่งใดมักจะได้รับผลสมความปรารถนาเสมอ ตัวอย่างเช่นวิชาพระพุทธศาสนา กระผมต้องการได้ท็อป ก็สำเร็จผลจริงๆ ได้เป็นที่หนึ่งของห้อง ด้วยคะแนน ๒๙ เต็ม ๓๐ ทำให้กระผมเกิดความมั่นใจในตัวเอง และมีธรรมะอยู่ในอารมณ์เสมอ รู้สึกดีใจที่ไม่ต้องคอยรบกวนคุณแม่ซึ่งเหน็ดเหนื่อยจากการงานของท่านอยู่แล้ว และทำตนเป็นที่พึ่งของตนได้ตามหลักคำสั่งสอนของสมเด็จพระ สัมมาสัมพุทธเจ้า และหลวงพ่อจรัญท่านได้ย้ำอยู่เสมอในเรื่องนี้ คุณแม่รู้สึกจะดีใจกว่ากระผมอีก ท่านอุตส่าห์ทำ ห้องนอนให้กระผมอยู่ได้อย่างอิสระ ตามที่กระผมเคยขอ ท่านหลายครั้งหลายหน และท่านได้พูดด้วยความภาคภูมิใจว่า “เห็นหรือยังลูกตัวจริงของแม่” กระผมจึงเกิดความ คิดอยากจะบวชอีกครั้ง เพื่อปฏิบัติอย่างเต็มที่ จึงได้สมัครไปที่ยุวพุทธิกสมาคม ในโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน ซึ่งระยะเวลาจะนานกว่าคราวที่แล้ว คือเตรียมความพร้อม ๑๐ วันและบวช ๓๐ วันเต็ม และอยู่ที่วัดอัมพวัน
การบวชครั้งนี้จุดประสงค์หลักก็คือ
๑) เพื่อตัวผมเอง ซึ่งแน่ใจว่าจะทำให้ชีวิตในทุกด้านดีขึ้นอีก และแน่นอนว่าการเรียนย่อมดีขึ้นแน่ๆ ด้วยความ มีสติสัมปชัญญะของกระผมจะได้เป็นที่รักของคุณครูทั้งหลายบ้าง
๒) เพื่อคุณแม่ คุณยาย และคุณตาซึ่งป่วยอยู่และดีขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งส่วนหนึ่งคือจากอานิสงส์ของการบรรพชาและแผ่เมตตาของกระผมแน่นอน
การปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวันนี้ จะเคร่งมากขึ้นเพราะจะมีพระมาดูแลและคอยให้คะแนน และสอบอารมณ์เสมอกระผมได้รับทุกขเวทนาจากการปวดขา จนบางครั้งต้อง ร้องไห้ออกมา กระผมติดเวทนาอยู่นานมาก จนกระทั่งเหลือเพียง ๓ วันก็จะถึงวันลาสิกขาแล้ว ผมจึงตั้งจิตอธิษฐานว่าขอให้ได้รู้อะไรที่ลึกซึ้งจากการปฏิบัติบ้าง ตายเป็นตายและสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น คือขณะที่กระผมได้รับ ทุกขเวทนาอย่างแสนสาหัสจนต้องนึกอยู่ตลอดว่า ตายเป็นตาย อดทนกำหนดไปเรื่อยๆ ปวดจนรู้สึกหายใจขัด ผมนึก ถึงคุณแม่ ท่านพูดกับกระผมว่า “ทำให้ได้นะลูก” และกระผมก็ได้เห็นเหตุการณ์ตอนเด็กๆ ว่าคุณแม่เลี้ยงดูเราดีขนาดไหน ลำบากขนาดไหน และเมื่อกระผมงอแง คุณแม่ก็จะเอาไปอุ้มกอดไว้แนบอกและตบหลังพร้อมกับพูดปลอบไปด้วย น้ำตาของกระผมไหลไม่หยุด รู้สึกถึงพระคุณของ คุณแม่ว่ามีมากมายจนไม่สามารถตอบแทนได้หมด และสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ กระผมมั่นใจว่าเป็นธรรมะที่กระผมได้จากวัดอัมพวัน ซึ่งทำให้กระผมเกิดศรัทธาในพระพุทธศาสนาและความดีต่างๆที่บังเกิดขึ้นครั้งนี้ได้เข้าไปอยู่ในกมล สันดาน และจะไม่เปลี่ยนจากการเป็นลูกแก้วลูกขวัญของ คุณแม่ คุณพ่อ คุณยาย คุณตา อันเป็นที่รักและเคารพ บูชาสูงสุดของกระผมตลอดไปทุกภพทุกชาติ และจะครอง ตัวรักษาความเป็นศิษย์ที่ดีของพระอุปัชฌาย์ พระเดชพระ คุณพระราชสุทธิญาณมงคล วัดอัมพวัน ตลอดถึงเป็นศิษย์ที่ดีของพระครู คุณมณเธียร ก็คือการมีความรู้คู่ความดีตลอดไป
หมายเหตุ คุณแม่ของกระผมได้เห็นความเปลี่ยนแปลงจากดำเป็นขาวของกระผมตั้งแต่บวชครั้งแรก ท่าน ถึงกับได้ตามไปบวชเนกขัมมะที่วัดอัมพวันตอนระหว่างวัน ขึ้นปีใหม่ เพื่อศึกษาและค้นหาของดีวัดอัมพวัน ซึ่งคุณแม่บอกว่าของดีสิ่งแรกของวัดอัมพวันซึ่งควรแก่การเคารพ บูชาสูงสุดก็คือ พระราชสุทธิญาณมงคล เจ้าอาวาสวัด อัมพวัน ผู้เสียสละทุกอย่างเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และของดีวัดอัมพวันได้มีรวมอยู่ที่องค์หลวงพ่อนั่นเอง ขึ้นอยู่กับบุญ ความตั้งใจจริง มีศรัทธาของผู้ได้พบเห็นท่าน ว่าจะเอาไปได้หรือไม่คุณแม่กระผมบอกว่าคำพูดของท่านหนึ่งประโยคก็สามารถอธิบายธรรมให้เห็นแจ้งได้มากมาย เพราะฉะนั้นจึงไม่เป็น ที่แปลกใจ ที่ได้เห็นคนมากมายไปนั่งคอยท่านด้วยความอดทน ซึ่งอันนี้ก็เป็นสิ่งแรกที่หลวงพ่อได้เริ่มอบรมพวกเรา คือให้มีขันติ เพราะฉะนั้นพวกเราทุกคนอย่ามัวนั่งรอบุญวาสนาให้มาถึงเลย ควรเร่งศึกษาพระธรรม เพื่อความสุข อันแท้จริงในขณะที่เรายังมีผู้ที่พร้อมจะอบรมสั่งสอนอย่าง ถ่องแท้ นับเป็นโชควาสนาของพวกเราจริงๆ
กระผม ขอน้อมกราบนมัสการพระราชสุทธิญาณ
มงคลด้วยความเคารพบูชาสูงสุดเหนือเศียรเกล้า
น้อมเสียรเกล้ากราบพระอุปัชย์ผู้ประเสริฐ
ท่านเป็นเลิดทางธรรมนำ สมัย
คอยดูแลปกป้องเราให้พ้นภัย
ให้อาศัยพบธรรมะวัดอัมพวัน
ขอกราบเท้าท่านพระครูรู้เลอเลิศ
ช้วยให้เราได้เกิดสมสักดีรี
ท่านช้วยสอนธรรมะดับราคี
ท่านผู้มีเมตตาและการุณ
ขอกราบขอบพระคุณคุณมณเธียร
ผู้พากเพียรสร้างมนุษย์ประเสริฐศรี
ช้วยเหล่าสามเณรให้ได้ดี
ไม่ให้มีมารขวางหนทางธรรม
ขอขอบพระคุณพวกท่านพี่เลี้ยง
ที่กล่อมเกลี้ยงดูแลเราทั้งหลาย
ให้พ้นทุกข์มีแต่สุขสะดวกสบาย
ทั้งทางกายทางใจตลอดมา
ขออำนาคคุณพระศรีสิ่งจักดิสิทธิ์
ลงแสดงอิทธิฤทธิ์ประสิทธิผล
ให้ทุกท่านเจริญจตุรพิตรมงคล
อยู่ยืนยงจรรโลงธรรมฉ่ำแผ่นดิน